เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โปรดสละเวลา 1 นาที ในการตอบแบบสอบถามจากเรา Click !!

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


อาไซอิ (açai) ผลไม้จากอเมริกาใต้ ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ


รองศาสตราจารย์ ดร.ปองทิพย์ สิทธิสาร ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


ภาพประกอบจาก: https://www.fitnesstipsforlife.com/wp-co...50x169.jpg
อ่านแล้ว 27,130 ครั้ง  
ตั้งแต่วันที่ 24/05/2562
อ่านล่าสุด 1 วันที่แล้ว

Scan เพื่ออ่านบนมือถือของคุณ
 


อาไซอิ หรือ açai หรือ acai มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ (Euterpe oleracea Mart.) เป็นพืชในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) พบได้มากในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แถบอะเมซอน โดยเฉพาะในประเทศบราซิล ลักษณะต้นอาไซอิเป็นทรงกระบอกสีน้ำตาลเทา สูงได้ถึง 25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ที่ลำต้นมีรอยวงแหวนเป็นระยะๆ ใบเป็นใบประกอบอยู่บริเวณด้านบนของลำต้น ดอกขนาดเล็กสีม่วงน้ำตาล ผลมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร มีเมล็ดเดี่ยวขนาดใหญ่ ผลดิบมีเปลือกสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ชาวพื้นเมืองใช้ผลอาซาอิในการทำขนม เครื่องดื่มและไวน์ โดยพบว่าชาวบราซิลบริโภคเครื่องดื่มจากผลอาไซอิถึงวันละ 1 ลิตร (1) ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาผลอาไซอิได้ถูกทำแห้ง บดเป็นผง หรือแยกเนื้อผลออกแช่แข็งแล้วส่งออกเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบต่างๆ เช่น เม็ด แคปซูล เครื่องดื่มและผงชงดื่ม รวมทั้งพัฒนาเป็นเครื่องสำอาง เช่น ครีม โลชั่น เจล ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น (2) ส่วนในประเทศไทย ก็เริ่มมีการนำผลอาไซอิมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆแล้วเช่นกัน
 
คุณค่าทางอาหารของเนื้อผลอาไซอิพบว่าประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก นอกนั้นคือโปรตีน และไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคาร์โบไฮเดรตในเนื้อผลอาไซอิจะเป็นใยอาหาร (3, 4) กรดไขมันที่พบในเนื้อผลอาไซอิส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก (oleaic acid) (5) นอกจากนี้ในผลอาไซอิยังประกอบด้วยสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (anthocyanins) เช่น cyanidin-3-glucoside และ cyaniding-3-rutinoside รวมทั้งสารฟินอลิกและฟลาโวนอยด์อื่นๆ เช่น quercetin, vitexin, catechin, epicatechin, ferulic acid, vanillic acid และ oligomeric procyanidins (6-8)
การศึกษาฤทธิ์ต้านออกซิเดชันในหลอดทดลองของเนื้อผลอาไซอิโดยใช้วิธีการทดสอบต่างๆ เช่นการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH และอนุมูล peroxyl และการทดสอบโดยวิธี ORAC (9-11) และต้านอักเสบทั้งในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง (11, 12) การให้เนื้อผลอาไซอิ ในขนาด 200 กรัมต่อวัน (มีปริมาณฟีนอลิกรวม 131 มิลลิกรัม gallic acid equivalent ต่อเนื้อผล 100 กรัม) ในหญิงสุขภาพดีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ catalase, เพิ่มความสามารถในการต้านออกซิเดชัน และลดการสร้างอนุมูลอิสระ(2) ในการศึกษาทางคลินิก (แบบ pilot study and small randomized, double-blind, placebo-controlled, crossover study) พบว่าการบริโภคผลอาไซอิปั่นกับน้ำเบอร์รี่ มีผลเพิ่มระดับสารต้านออกซิเดชันในซีรัม ปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากการออกซิเดชัน ลดการเกิดอนุมูลอิสระ และลดการสร้าง pro-inflammatory cytokines และ chemokines (13) การให้เครื่องดื่มอาไซอิขนาด 7 มิลลิลิตรต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว ในคนสุขภาพดี พบว่า หลังจากบริโภคไปแล้ว 12 ชั่วโมง ความสามารถในการต้านออกซิเดชันในพลาสมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (14) โดยพบว่าการบริโภคเนื้อผลอาไซอิจะมีระดับของสารแอนโทไซยานินในเลือดสูงกว่าการบริโภคน้ำอาไซอิ สอดคล้องกับความสามารถในการต้านออกซิเดชันในเลือดที่สูงกว่า (13) ซึ่งฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่สูงของอาไซอินั้นเป็นผลมาจากการมีสารกลุ่มฟินอลิกและฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะสารกลุ่มแอนโทไซยานินในปริมาณที่สูงนั่นเอง (5) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของอาไซอิหลายผลิตภัณฑ์ มีการอวดอ้างสรรพคุณว่าช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัตินี้ของอาไซอิอย่างชัดเจน มีการศึกษาถึงผลของอาไซอิต่อ metabolic parameter ในคนที่มีน้ำหนักเกิน (ค่า BMI มากกว่า 25 แต่ไม่เกิน 30) โดยให้รับประทานผลอาไซอิวันละ 200 กรัม เป็นเวลา 1 เดือน พบว่ามีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับอินซูลิน และระดับคอเลสเตอรอลรวม โดยไม่มีผลต่อความดันโลหิต (15)
ในขณะนี้ ยังไม่พบรายงานการควบคุมคุณภาพหรือสารสกัดมาตรฐานของผลอาไซอิ (5) แม้ว่าไม่พบความเป็นพิษเฉียบพลันเมื่อให้อาไซอิขนาด 2 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวในสัตว์ทดลอง (3) แต่ควรระวังการเกิดภาวะภูมิแพ้ (allergy) หรือภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ในผู้บริโภคบางคนที่มีอาการต่อพืชในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) (5) นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ยาลดไขมันในเลือด ยาลดน้ำตาลในเลือด หรืออินซูลิน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนบริโภคผลิตภัณฑ์จากอาไซอิ เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยา รวมทั้งสตรีตั้งครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์จากอาไซอิ เนื่องจากยังไม่มีรายงานความปลอดภัยในผู้บริโภคกลุ่มนี้
 

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. Acai plant and fruit. [homepage on the Internet]. Encyclop?dia Britannica, Inc. [cited 2019 May 11]. Available from: https://www.britannica.com/plant/acai
  2. Barbosa PO, Pala D, Silva CT, de Souza MO, do AmaralJF, Vieira RAL, Folly DADF, VolpACP, de FreitasRN. Açai (Euterpe oleracea Mart.) pulp dietary intake improves cellularantioxidant enzymes and biomarkers of serum in healthy women. Nutrition. 2016; 32:674-80.
  3. Schauss AG, Wu X, Prior RL, Ou B, Huang D, Owens J, et al. Antioxidant capacity and other bioactivities of the freeze-dried Amazonian palm berry, Euterpe oleraceae Mart. (acai). J Agric Food Chem. 2006; 54(22):8604-10.
  4. Rufino MDSM, Pérez-Jiménez J, Arranz S, Alves RE, de Brito ES, Oliveira MSP, Saura-Calixto F. Açai (Euterpe oleraceae) "BRS Pará": A tropical fruit source of antioxidant dietary fiber and high antioxidant capacity oil. Food Res Int. 2011; 44:2100-6.
  5. Ulbricht C, Brigham A, Burke D, Costa D, Giese N, Iovin R, et al. An evidence-based systematic review of acai (Euterpe oleracea) by the Natural Standard Research Collaboration. J Diet Suppl. 2012; 9(2):128-47.
  6. Del Pozo-Insfran D, Brenes CH, Talcott ST. Phytochemical composition andpigment stability of Açai (Euterpe oleracea Mart.). J Agric Food Chem. 2004; 52:1539-45.
  7. Schauss AG, Wu X, Prior RL, Ou B, Patel D, Huang D, et al. Phytochemicaland nutrient composition of the freeze-dried Amazonian palm berry, Euterpe oleraceae Mart. (açai). J Agric Food Chem. 2006; 54:8598-603.
  8. Schauss AG. Advances in the study of the health benefits and mechanisms of action of the pulp and seed of the Amazonian palm fruit, Euterpe oleracea Mart., known as "açai". Fruits, vegetables, and herbs. Oxford: Academic Press, Elsevier Inc; 2014.
  9. Odendaal AY, Schauss AG. Potent antioxidant and anti-inflammatory flavonoids in the nutrient-rich Amazonian palm fruit, Açai (Euterpe spp.). Polyphenols in Human Health and Disease. Oxford: Academic Press, Elsevier Inc; 2014.
  10. Kang J, Thakali KM, Xie C, Kondo M, Tong Y, Oub B, Jensen G, Medina MB, Schauss AG, Wua X. Bioactivities of açai (Euterpe precatoria Mart.) fruit pulp, superior antioxidant and anti-inflammatory properties to Euterpeoleracea Mart. Food Chem. 2012; 133:671-7.
  11. Kang J, Xie C, Li Z, Nagarajan S, Schauss AG, Wu T, Wu X. Flavonoids from açai (Euterpe oleracea Mart.) pulp and their antioxidant and anti-inflammatory activities. Food Chem. 2011; 128:152-7.


บทความที่ถูกอ่านล่าสุด


ยี่โถ...มีพิษจริงหรือ 4 วินาทีที่แล้ว
ผมหงอก ... หัวหงอก ... ผมขาว 15 วินาทีที่แล้ว
ยาที่ผู้หญิงพึงระวัง 44 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด



ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์บทความ:
บทความในหน้าที่ปรากฎนี้สามารถนำไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทั้งนี้การนำไปทำซ้ำนั้นยังคงต้องปรากฎชื่อผู้แต่งบทความ และห้ามตัดต่อหรือเรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้ใหม่โดยเด็ดขาด และกรณีที่ท่านได้นำบทความนี้ไปใช้ในเว็บเพจของท่าน ให้สร้าง Hyperlink เพื่อสร้าง link อ้างอิงบทความนี้มายังหน้านี้ด้วย

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ดูเบอร์ติดต่อหน่วยงานต่างๆ | ดูข้อมูลการเดินทางและแผนที่

เว็บไซต์นี้ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2024
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้