Eng |
รองศาสตราจารย์.ดร.ภญ.พิสมัย กุลกาญจนาธร, รศ.ภญ.ยุวดี วงษ์กระจ่าง และ ภก.วสุ ศุภรัตนสิทธิ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ไข้เป็นสิ่งบ่งบอกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย มักทำให้เด็กงอแง และที่สำคัญอาจมีอาการชักตามมาได้ อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 – 38 องศาเซลเซียสขึ้นไปจะถือว่าเด็กเป็นไข้ การใช้เทอร์โมมิเตอร์ปรอทวัดอุณหภูมิร่างกายมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการใช้มือสัมผัสเด็ก และสามารถประเมินได้อย่างละเอียดกว่าอีกด้วย
เทอร์โมมิเตอร์กับปรอท
สารปรอทที่บรรจุภายในเทอร์โมมิเตอร์ เป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง และระเหยกลายเป็นไอได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่ายขึ้น ซึ่งปรอทจะเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางปาก ทางเดินหายใจและทางผิวหนัง พิษสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้ตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด เมื่อร่างกายเสียเลือดมากจะเป็นลม สลบ เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด และตายในที่สุด พิษชนิดเรื้อรัง จะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น ซึ่งอันตรายเหล่านี้ เมื่อเป็นแล้วรักษาให้กลับดีดังเดิมไม่ได้ หากได้รับจากการหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการเจ็บหน้าอก มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกและตายได้
ประโยชน์ของปรอททางการแพทย์
ปรอทใช้ในการทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ และเครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิต
ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในยาสมุนไพร
ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารผสมที่ได้เรียกว่าอะมัลกัม ใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก