ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยมาตั้งแต่โบราณ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata และมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ Andrographolide ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ฟ้าทะลายโจรเป็นหนึ่งในยาสมุนไพรที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงมีความสำคัญว่าเราจะใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัย
ภาพจาก : https://thaipbs-world.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/thaipbsworld/wp-content/uploads/2020/02/25155854/000_1OH98R.jpg
1. ข้อบ่งใช้ของฟ้าทะลายโจร
- การใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่มีความรุนแรงน้อยเพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง ให้แบ่งรับประทานในขนาดที่มีปริมาณสารสำคัญคือ Andrographolide 180 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยแบ่งให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง (ครั้งละ 60 มิลลิกรัม)1,2 หลังอาหาร3 เช้า กลางวัน และ เย็น ติดต่อกันนาน 5 วัน2
- การใช้ฟ้าทะลายโจรใน ผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 แต่ไม่มีอาการ ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในขนาดที่มีปริมาณสารสำคัญคือ Andrographolide 60 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยแบ่งให้รับประทานวันละ 3 (ครั้งละ 20 มิลลิกรัม) หลังอาหาร3 เช้า กลางวัน และเย็น ติดต่อกันนาน 5 วัน2
- ในปัจจุบันไม่มีข้อแนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในการป้องกันโรคโควิด-19 เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
- การใช้ฟ้าทะลายโจรฒเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ให้ใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณ Andrographolicde 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง นาน 5 วัน เว้น 2 วัน และใช้ต่อเนื่องกันไม่เกิน 12 สัปดาห์2
- การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล โดยให้รับประทานในขนาดที่มีปริมาณ Andrographolide 60-120 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 3 ครั้ง (ครั้งละ 20 -40 มิลลิกรัม)1 ทั้งนี้ในบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับปี พ.ศ. 25544 ได้ระบุข้อห้ามใช้ว่า ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรสำหรับแก้เจ็บคอจากติดเชื้อ Streptococcus group A และ ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A, ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียและมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง และหนาวสั่น และ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติค และยังมีข้อแนะนำว่าหากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือ มีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยาควรหยุดใช้และพบแพทย์
2. ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร?2,4
- ห้ามใช้ในหญิงตั้ครรภ์ และ หญิงให้นมบุตรเพราะอาจทำให้ทารกวิกลรูปได้
- ห้ามใช้ผู้ที่มีประวัติแพ้ ฟ้าทะลายโจร หากใช้แล้วมีอาการแพ้ เช่น เกิดผื่น หน้าบวม ริมฝีปากบวม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ให้หยุดยาทันทีและไปพบแพทย์
- ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคตับหรือโรคไต
3. เมื่อรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วอาจเกิดอาการใดได้บ้าง?
- อาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่รุนแรงที่พบได้บ่อยจากการใช้ฟ้าทะลายโจร ได้แก่ อาการทางระบบทางเดินอาหารและระบบผิวหนัง5,6 เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่อ อาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได้4
- อัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่รุนแรงจากฟ้าทะลายโจร คิดเป็นประมาณ 103 คนต่อ 1,000 คน กล่าวคือในผู้ที่รับประทานฟ้าทะลายโจร 1,000 คน 103 คนจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่รุนแรง6
- การรับประทานฟ้าทะลายโจรเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการแขนขาชา หรืออ่อนแรง4 หรือรู้สึกหนาวเย็นภายใน2
- อาการรุนแรงที่สามารถพบได้จากการใช้ฟ้าทะลายโจร ได้แก่ anaphylactic reaction7,8 ซึ่งเป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลันส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายพร้อมกัน ซึ่งอาจมีความรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
- อัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจากฟ้าทะลายโจรคิดเป็น 0.02 ต่อ 1,000 คน กล่าวคือ ในผู้ที่รับประทานฟ้าทะลายโจร 100,000 คน 2 คนจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง6
4. ควรระวังการรับประทานฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาใดบ้าง?4
- ยากันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant drugs) เช่น warfarin
- ยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelet drugs) เช่น aspirin, clopidogrel
- ยาลดความดัน (antihypertensive drugs) เพราะเสริมฤทธิ์กันอาจทำให้หน้ามืดได้ ยาที่มีกระบวนการเมทาบอลิซึมผ่านเอนไซม์ cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ CYP1A2, CYP2C9 และ CYP3A4 ส่งผลให้ยาเหล่านี้อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่มากขึ้นได้ ดังตัวอย่างแสดงในตารางต่อไปนี้