Eng |
ยาไทยเป็นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาเป็นเวลานาน มีการใช้ ลองผิด ลองถูก กันมา จนมีการบันทึกในตำรายา แต่ถ้ายาไทยไม่ได้รับการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ด้านสรรพคุณ รูปแบบของยา และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ยาไทยคงจะไม่มีใครใช้ เมื่อนั้นยาไทยก็จะสูญหายไปจากสังคมไทย การที่คนไทยหันมาใช้ยาไทย จะทำให้ประเทศชาติไม่ต้องขาดดุลทางการค้า และเป็นการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจแบบพอเพียง และในอนาคตถ้ามีการวิจัยแล้วพบว่ายาไทยมีสรรพคุณที่สามารถจะรักษาโรคใหม่ ๆ หรือโรคที่พบในปัจจุบัน จะเป็นการสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับยาไทย เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคเอดส์ และไข้หวัดนก เป็นต้น
โรคมะเร็งเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่สำคัญอันหนึ่งของโลก ในปัจจุบันพบว่า 13% ของคนที่ตายมาจากโรคมะเร็ง ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2563 จะมีจำนวนคนตายด้วยโรคมะเร็งประมาณ 11 ล้านคนทั่วโลก และในจำนวนนี้ประมาณ 7 ล้านคน จะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการรักษามะเร็งตามหลักของสากลที่ปฏิบัติในประเทศไทยคือ ศัลยกรรม รังสีรักษา และเคมีบำบัด จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า การใช้วิธีรักษามะเร็งทั้ง 3 วิธี ทั้งแบบเดี่ยว และผสมผสาน ผลของการรักษานั้นไม่แน่นอน มีมะเร็งหลายชนิดไม่สามารถรักษาให้หายด้วยวิธีดังกล่าว และบางวิธีก็เกิดผลเสียต่อร่างกายผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น จากผลข้างเคียงและการรักษาที่ไม่ประสบผลสำเร็จตามแบบแผนของตะวันตก ทำให้การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันจึงมีรูปแบบที่หลากหลาย เกิดการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกเกิดขึ้น สมุนไพรนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีการใช้ในการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกและเป็นแนวทางหนึ่งที่มีรายงานว่าประสบผลสำเร็จในการรักษา มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์เผยแพร่จำนวนมาก
ในประเทศไทยนั้นวัดคำประมงเป็นสถานที่หนึ่งที่มีการรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยสมุนไพรและมีรายงานว่าประสบผลสำเร็จในการรักษา โดยสมุนไพรจะถูกนำมาประกอบเป็น ตำรับยารักษามะเร็งสูตรวัดคำประมง ซึ่งมีทั้งหมด 2 สูตร คือ สูตรยอดยาแก้มะเร็งทุกชนิด และสูตรยาสมุนไพรสมานฉันท์ ซึ่งสูตรยาสมุนไพรนี้ได้คิดค้นนำมาใช้รักษามะเร็งโดยหลวงตาปพนพัชร์ ภิบาลพักตร์นิธี เจ้าอาวาสวัดคำประมง ผู้ก่อตั้งอโรคยศาล ซึ่งท่านเคยอาพาธด้วยโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก เมื่อ พ.ศ. 2539 สูตรตำรับนี้ได้รักษาผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย และผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น สำหรับสูตรยอดยาแก้มะเร็งทุกชนิด ประกอบด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น ทองพันชั่ง เหงือกปลาหมอ ข้าวเย็นใต้ ข้าวเย็นเหนือ และสมุนไพรอื่น ๆ
ทางสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเล็งเห็นความสำคัญของภูมิปัญญา จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาวิจัยและพัฒนาสูตรตำรับยาต้านมะเร็งวัดคำประมง ซึ่งเป็นตำรับยาสูตรที่ 1 (สูตรยอดยาแก้มะเร็งทุกชนิด) โดยเตรียมเป็นสารสกัดที่มีการวิเคราะห์คุณภาพ พร้อมทั้งเครื่องยาซึ่งเป็นวัตถุดิบ และพิสูจน์ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองในการป้องกันและยับยั้งเซลล์มะเร็ง เพื่อเป็นข้อมูลในการจะนำไปศึกษาในคนต่อไป และเป็นข้อมูลสำหรับการวิจัยต่อยอดในการศึกษาพัฒนารูปแบบยาที่รับประทานได้ง่ายขึ้น พกพาสะดวก นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อมูลในการสนับสนุนการใช้สูตรตำรับยาต้านมะเร็งวัดคำประมง ในสถานบริการทางสาธารณสุขต่อไป
ผลการวิจัยและพัฒนาเครื่องยา การเตรียมสารสกัด และการควบคุมคุณภาพของเครื่องยาและสารสกัด โดยใช้วิธี chromatographic fingerprints และวิธีตามข้อกำหนดของเภสัชตำรับ (Pharmacopoeia) ตรวจสอบการปนเปื้อนจุลชีพ สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง โลหะหนัก ผลการวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องยาตามข้อกำหนดในเภสัชตำรับพบว่า เครื่องยาส่วนใหญ่มีคุณภาพดีระดับหนึ่ง และผลการเตรียมสารสกัดน้ำของตำรับ พบว่ามีปริมาณเท่ากับ 3.75% w/w (เทียบกับน้ำหนักของวัตถุดิบ) สารสกัดนี้ประกอบด้วยสารกลุ่มน้ำตาลเชิงซ้อน (polysaccharides) 3.78% และสารประกอบอื่น นอกจากนี้สารสกัดน้ำนี้ไม่พบการปนเปื้อนของจุลชีพ โลหะหนัก และสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งอาจจะก่อเกิดพิษได้
ส่วนผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของตำรับยาต้านมะเร็งสูตรวัดคำประมง ได้แก่ ฤทธิ์ฆ่าและฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง รวมถึงฤทธิ์ต้านการกระตุ้นการเจริญของเนื้องอกในสัตว์ทดลอง พบว่า สารสกัดยาต้านมะเร็งสูตรนี้สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิด ได้แก่ เซลล์มะเร็งเต้านม (MDA-MB-231, MCF7) เซลล์มะเร็งไขข้อ (SW982) เซลล์มะเร็งตับ (HepG2) เซลล์มะเร็งปากมดลูก (HeLa) และเซลล์มะเร็งปอด (A549) สารสกัดที่ความเข้มข้นน้อยกว่า 500 mg/ml และมีฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็ง MDA-MB-231 ได้สูงที่สุดตามด้วย SW628 > MCF7, HepG2, HeLa และ A549 ทั้งนี้สารสกัดนี้ไม่สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งรังไข่ (SKOV3) ได้ แต่กลับกระตุ้นการเจริญของเซลล์มะเร็งลำไส้ (SW620) สารสกัดในปริมาณสูงสุดที่ 2,000 mg/ml สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง SW982 ได้ทั้งหมด รองลงมาคือ HeLa, HepG2, MCF7 และ MDA-MB-231 ตามลำดับ สารสกัดตำรับยานี้ออกฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งไขข้อ SW982 ได้ดีที่สุด รองลงมาคือเซลล์มะเร็งเต้านม MDA-MB-231
ส่วนฤทธิ์ต้านการกระตุ้นการเจริญของเนื้องอกทำการศึกษาโดยใช้แบบจำลองมะเร็งสามชนิด ได้แก่
1) แบบจำลองการกระตุ้นเนื้องอกบนผิวหนังของหนูถีบจักร โดยการทาผิวหนังหนูด้วยสาร 7,12 dimethylbenz(a)anthracene (DMBA) ครั้งเดียว และตามด้วยการทา 12-O-tetradecanoyl phorbol-13 acetate (TPA)
2) การเหนี่ยวนำให้เกิดเนื้องอกในลำไส้โดยใช้สาร 1,2-dimethylhydrazine (DMH) และ 3) การเหนี่ยวนำมะเร็งตับระยะส่งเสริมในหนูด้วยไดเอธิลไนโตรซามีน (DEN)
ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดตำรับยาต้านมะเร็งสูตรนี้สามารถยับยั้งการเกิดเนื้องอกจากการเหนี่ยวนำด้วยสารเคมีได้
สรุปงานวิจัยนี้ได้ควบคุมคุณภาพของเครื่องยาสมุนไพรและสารสกัดน้ำตำรับยาต้านมะเร็งวัดคำประมง พร้อมทั้งวิเคราะห์คุณภาพทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพของสารสกัด และพิสูจน์ฤทธิ์ต้านมะเร็งทั้งในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาตำรับยาสมุนไพร เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์เป็นยารักษาโรคที่มีการพิสูจน์ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และความปลอดภัย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิจัยต่อยอดในการศึกษาวิจัยในคน และการศึกษาพัฒนารูปแบบยาที่รับประทานได้ง่ายขึ้น พกพาสะดวก นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อมูลในการสนับสนุนการใช้สูตรตำรับยาต้านมะเร็งวัดคำประมง ในสถานบริการทางสาธารณสุขต่อไป งานวิจัยนี้ถือได้ว่าเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีภายในประเทศ มาทดแทนผลิตภัณฑ์ยาจากต่างประเทศ เป็นการลดการขาดดุลทางการค้าและเป็นการพึ่งตนเองของประเทศชาติ
เอกสารอ้างอิง