เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โปรดสละเวลา 1 นาที ในการตอบแบบสอบถามจากเรา Click !!

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


ยาทาภายนอก...ออกฤทธิ์ที่ไหน?


รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิง นงลักษณ์ สุขวาณิชย์ศิลป์
หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก : https://thenewsstrike.com/wp-content/uploads/2019/12/eczema-2.jpg
อ่านแล้ว 27,950 ครั้ง  
ตั้งแต่วันที่ 30/12/2563
อ่านล่าสุด 10 นาทีที่แล้ว
Access Denied
Access Denied (authentication_failed)
Your username or password incorrect : General authentication failure due to bad user ID or authentication token. You will not be permitted access until your credentials can be verified.
This is typically caused by an incorrect username or password, but could also be caused by network authenticated problems.
Mahidol University will launch the new network authentication system on August 1, 2014. Please check the username required for accessing the university Internet, MU WiFi and VPN from August 1, 2014 onwards.

read more

มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตน (Network Authentication) ในการเข้าใช้งานระบบ Internet, MU WiFi และ VPN ของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

For assistance, contact internet consult support team email consult@mahidol.ac.th or 02-849-6228,02-849-6229.
&level=L" border="0" alt=" Access Denied
Access Denied (authentication_failed)
Your username or password incorrect : General authentication failure due to bad user ID or authentication token. You will not be permitted access until your credentials can be verified.
This is typically caused by an incorrect username or password, but could also be caused by network authenticated problems.
Mahidol University will launch the new network authentication system on August 1, 2014. Please check the username required for accessing the university Internet, MU WiFi and VPN from August 1, 2014 onwards.

read more

มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตน (Network Authentication) ในการเข้าใช้งานระบบ Internet, MU WiFi และ VPN ของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

For assistance, contact internet consult support team email consult@mahidol.ac.th or 02-849-6228,02-849-6229.
" style="margin-top:10px;border:1px solid #eee" />
Scan เพื่ออ่านบนมือถือของคุณ Access Denied
Access Denied (authentication_failed)
Your username or password incorrect : General authentication failure due to bad user ID or authentication token. You will not be permitted access until your credentials can be verified.
This is typically caused by an incorrect username or password, but could also be caused by network authenticated problems.
Mahidol University will launch the new network authentication system on August 1, 2014. Please check the username required for accessing the university Internet, MU WiFi and VPN from August 1, 2014 onwards.

read more

มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตน (Network Authentication) ในการเข้าใช้งานระบบ Internet, MU WiFi และ VPN ของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

For assistance, contact internet consult support team email consult@mahidol.ac.th or 02-849-6228,02-849-6229.
 


ยาทาภายนอกในบทความนี้หมายถึงยาที่ใช้ทาผิวหนัง ไม่ว่ายาจะอยู่ในรูปของเหลว ครีม เจล หรือขี้ผึ้ง ใช้รักษาโรคหรือการบาดเจ็บที่เกิดกับผิวหนังซึ่งส่วนใหญ่เกิดไม่รุนแรง การใช้ยาทาภายนอกเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ที่ผิวหนังตรงตำแหน่งที่ยาเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องการให้ยาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดสู่ระบบร่างกาย จึงลดผลข้างเคียงของยาที่จะเกิดกับร่างกายส่วนอื่น อย่างไรก็ตามที่ผิวหนังมีเส้นเลือดมาเลี้ยงเช่นเดียวกัน จึงอาจมียาบางส่วนที่ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้บ้างแต่ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ผิวหนังมีหลายชั้นแต่ชั้นที่มีความสำคัญมากเนื่องจากมีบทบาทในการกั้นยาหรือสารอื่นไม่ให้ผ่านผิวหนังเพื่อเข้าสู่ร่างกาย คือหนังกำพร้าชั้นนอกสุดหรือสตราตัมคอร์เนียม ด้วยเหตุนี้ยาส่วนใหญ่ที่นำมาใช้รักษาโรคที่เกิดกับผิวหนังจึงสามารถแทรกซึมผ่านหนังกำพร้าชั้นนอกสุดได้ ในบทความนี้จะให้ข้อมูลถึงโครงสร้างผิวหนัง การแทรกซึมของยาเข้าในผิวหนัง ประเภทของยาทาภายนอกและบริเวณที่ออกฤทธิ์ และข้อควรคำนึงเมื่อใช้ยาทาภายนอก

โครงสร้างผิวหนัง

ผิวหนังทำหน้าที่ห่อหุ้มร่างกาย ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้ได้รับอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและรับความรู้สึกสัมผัส ผิวหนังแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียงจากชั้นนอกสู่ชั้นในดังนี้ (ดูรูป)
  1. หนังกำพร้า (epidermis) เป็นผิวหนังชั้นนอกสุด ไม่มีเลือดมาเลี้ยง แบ่งเป็นชั้นย่อยอีกหลายชั้น หนังกำพร้าชั้นนอกสุด คือ สตราตัมคอร์เนียม (stratum corneum) ประกอบด้วยเซลล์รูปร่างแบนหลายชั้นเรียงขนานกับผิว เซลล์เหล่านี้ไม่มีนิวเคลียสหรือโครงสร้างย่อย (organelles) ชิ้นใดภายในเซลล์และจะหลุดลอกเป็นขี้ไคล ส่วนหนังกำพร้าใต้ชั้นสตราตัมคอร์เนียมประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต (viable epidermis) สตราตัมคอร์เนียมมีองค์ประกอบเป็นไขมัน 40%, โปรตีน 40% และน้ำ 20% เป็นหนังกำพร้าที่มีบทบาทสำคัญในการกั้นยาหรือสารอื่นไม่ให้ผ่านผิวหนังเพื่อเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง ความหนาของชั้นสตราตัมคอร์เนียมที่ผิวหนังบริเวณต่างกันมีความแตกต่างกันได้ ซึ่งที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าจะมีความหนามากกว่าบริเวณอื่น ด้วยเหตุนี้ยาทาภายนอกที่ใช้กับผิวหนังบริเวณที่มีชั้นสตราตัมคอร์เนียมหนาจึงเป็นชนิดที่มีความแรงสูงและใช้ปริมาณมากกว่าการใช้กับผิวหนังบริเวณที่มีชั้นสตราตัมคอร์เนียมบาง เพื่อให้มีปริมาณยาที่แทรกซึมผ่านหนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมเข้าสู่ผิวหนังชั้นในเพียงพอต่อการออกฤทธิ์รักษาโรคหรือการบาดเจ็บ
  2. หนังแท้ (dermis) ผิวหนังชั้นนี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) พบเส้นเลือดขนาดเล็ก หลอดน้ำเหลือง เส้นประสาท ต่อมไขมัน (sebaceous gland) ปมรากขนหรือปมรากผม (hair follicle) และต่อมเหงื่อที่ผิวหนังชั้นนี้ ต่อมไขมันทำหน้าที่ผลิตไขผิวหนังหรือซีบัม (sebum) ซึ่งปริมาณซีบัมที่มากเกินไปเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดสิว ต่อมไขมันมีทั้งชนิดที่อยู่ติดกับปมรากขนและชนิดที่อยู่แยกกัน ส่วนต่อมเหงื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกาย มีทั้งชนิดที่พบได้ทั่วไป (eccrine sweat gland) ซึ่งมีรูเปิดอยู่บนผิวหนัง และชนิดที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว (apocrine sweat gland) พบที่ผิวหนังบางแห่ง เช่น บริเวณรักแร้ มีรูเปิดอยู่ในปมรากขนหรือช่องขน ด้วยเหตุนี้ยาทาภายนอกหากออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของต่อมที่กล่าวมา ต้องสามารถแทรกซึมเข้าถึงชั้นหนังแท้ได้
  3. ชั้นใต้หนังแท้หรือชั้นไขมัน (hypodermis หรือ subcutis) ผิวหนังชั้นนี้ประกอบด้วยไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เกาะตัวอย่างหลวม พบเส้นเลือดขนาดเล็ก หลอดน้ำเหลือง เส้นประสาท และต่อมเหงื่อที่ผิวหนังชั้นนี้ (ต่อมเหงื่อพบในชั้นหนังแท้และชั้นใต้หนังแท้) นอกจากนี้ปมรากขนในระยะที่กำลังเจริญจะยื่นมาถึงชั้นนี้ด้วย ความหนาของผิวหนังชั้นนี้ที่บริเวณต่างกันมีความแตกต่างกันได้ เช่นที่ใบหน้าและท้องจะหนากว่าบริเวณอื่น


การแทรกซึมของยาเข้าในผิวหนัง

ยาทาภายนอกจะแทรกซึมจากตำแหน่งที่ทายาลงสู่ผิวหนังชั้นล่างได้มากหรือน้อยเพียงใดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณสมบัติของตัวยา รูปแบบผลิตภัณฑ์ (ชนิดของเหลว ครีม เจล หรือขี้ผึ้ง) การตั้งสูตรตำรับ ความแรงของผลิตภัณฑ์ ปริมาณยาที่ทา ผิวหนังบริเวณที่ทายา การที่หนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมประกอบด้วยไขมันปริมาณมาก ทำให้ยาที่ชอบไขมัน (ยาที่ละลายได้ดีในไขมัน) จะแทรกซึมผ่านไปได้ดีกว่ายาที่ชอบน้ำ (ยาที่ละลายได้ดีในน้ำ) นอกจากนี้มียาบางส่วนผ่านลงสู่ผิวหนังชั้นล่างโดยเข้าทางช่องขนและรูเปิดของท่อเหงื่อแต่ผ่านได้ในปริมาณจำกัด ในกรณีที่มีบาดแผลจะมียาผ่านลงสู่ผิวหนังชั้นล่างในปริมาณมาก การที่หนังแท้และชั้นใต้หนังแท้มีเส้นเลือดและท่อน้ำเหลืองมาเลี้ยง จึงมียาบางส่วนถูกดูดซึมเข้าสู่ภายในร่างกาย ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายส่วนอื่นได้

ประเภทของยาทาภายนอกและบริเวณที่ออกฤทธิ์

ยาทาภายนอกมีมากมาย แบ่งตามการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้หลายกลุ่ม ดังตัวอย่างที่จะกล่าวต่อไปนี้
  1. ยากำจัดจุลชีพที่ผิวหนัง (antiseptics) ใช้เช็ดทำความสะอาดผิวหนัง ออกฤทธิ์กำจัดจุลชีพเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับยา ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยาสำคัญเป็นแอลกอฮอล์, คลอร์เฮกซิดีน (chlorhexidine)
  2. ผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวนุ่มหรือเพิ่มความชุ่มชื้น (emollients และ moisturizing agents) ออกฤทธิ์ทำให้หนังกำพร้าส่วนนอกสุดเก็บน้ำไว้หรือเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำ จึงลดอาการผิวแห้ง ระคายผิวและอาการคัน ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบ (eczema หรือ dermatitis) ชนิดต่าง ๆ ที่มีลักษณะผิวแห้งหรือเป็นสะเก็ด ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของลาโนลิน ยูเรีย กลีเซอรีน
  3. ยาลอกขุย (keratolytic agents) ออกฤทธิ์ทำให้เคราติน (keratin) ในหนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมอ่อนนุ่มและหลุดลอก ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบที่มีลักษณะเป็นแผ่นหรือสะเก็ด เช่น โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (plaque psoriasis), สิวบางชนิด ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยาเป็นยูเรีย (urea), กรดซาลิไซลิก (salicylic acid), กรดแลกติก (lactic acid)
  4. ยาสมานผิว (astringents) ออกฤทธิ์ตกตะกอนโปรตีนจึงช่วยดึงผิวหนังให้ชิดกัน ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวนุ่มและลดอาการคัน ออกฤทธิ์โดยตรงเมื่อสัมผัสโปรตีนบนผิวหนังหรือบริเวณอื่นที่สัมผัสยา ใช้ลดรอยสิว ลดอาการคันจากผื่นแพ้หรือแมลงกัดต่อย ลดการขับเหงื่อ (antiperspirants โดยทำให้ท่อเหงื่อปิด) ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารประกอบอะลูมินัม
  5. ยาลดอาการอักเสบ (anti-inflammatory agents) และยาลดอาการแพ้ (anti-allergic agents) ออกฤทธิ์ลดการสร้างสารก่อการอักเสบและลดปฏิกิริยาการอักเสบรวมถึงการแพ้ ซึ่งขึ้นกับชนิดของตัวยาสำคัญ ยาที่ใช้กันมากในโรคผิวหนัง ได้แก่ ยาประเภทสเตียรอยด์ชนิดทาภายนอก ซึ่งมีตัวยาหลากหลายชนิดและมีความแรงแตกต่างกัน ยาเหล่านี้ต้องสามารถแทรกซึมผ่านหนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมลงสู่ผิวหนังชั้นล่างได้
  6. ยาลดอาการคัน (antipruritics) อาการคันในโรคผิวหนังหลายชนิดเกิดจากผิวหนังอักเสบ จึงมีการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาภายนอกที่กล่าวข้างต้น นอกจากนี้ยังมียาอื่นอีกหลายชนิดที่ลดอาการคันได้ รวมถึงยาต้านฮีสตามีนชนิดทาภายนอก ซึ่งยาออกฤทธิ์ลดผลของฮีสตามีนที่กระตุ้นปลายประสาทและทำให้เกิดอาการคัน ยาเหล่านี้ต้องสามารถแทรกซึมผ่านหนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมลงสู่ผิวหนังชั้นล่างได้
  7. ยาต้านจุลชีพ (antimicrobial agents) ยาทาภายนอกที่ใช้รักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังไม่ว่าจะเกิดจากรา แบคทีเรียหรือไวรัส ต้องแทรกซึมผ่านหนังกำพร้าชั้นสตราตัมคอร์เนียมลงสู่ผิวหนังชั้นล่างเพื่อออกฤทธิ์กำจัดจุลชีพเหล่านั้น การเกิดบาดแผลจะทำให้ยาแทรกซึมได้มากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงที่ยาจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดสู่ระบบร่างกาย ตัวอย่างยารักษาโรคติดเชื้อราที่ผิวหนัง เช่น โคลไตรมาโซล (clotrimazole) ความแรง 1% ชนิดครีม, คีโตโคนาโซล (ketoconazole) ความแรง 2% ชนิดครีม ตัวอย่างยารักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เช่น มิวพิโรซิน (mupirocin) ความแรง 2% ชนิดครีมหรือขี้ผึ้ง, ฟิวซิดิกแอซิด (fusidic acid) ความแรง 2% ชนิดครีมหรือขี้ผึ้ง และตัวอย่างยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่ผิวหนัง เช่น อะไซโคลเวียร์ (acyclovir) ความแรง 5% ชนิดครีม
ข้อควรคำนึงเมื่อใช้ยาทาภายนอก

การใช้ยาทาภายนอกมีข้อควรคำนึงทั่วไปดังนี้
  1. อาจเกิดอาการแพ้ยาหรือเกิดผิวหนังอักเสบตรงบริเวณที่ทา
  2. ระวังการติดเชื้อเมื่อใช้กับแผลเปิด โดยเฉพาะเมื่อยานั้นไม่ใช่ชนิดยาปลอดเชื้อ
  3. การใช้ยาทาภายนอกมีความสะดวก อาจทำให้เกิดการใช้ยาพร่ำเพรื่อหรือใช้เกินขนาดได้ง่าย
  4. การทายาลงบนแผลลึกหรือแผลกว้าง ยาอาจถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายส่วนอื่นได้
  5. การใช้ยาต้านจุลชีพชนิดทาภายนอกอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องเชื้อดื้อยาได้
  6. ยาทาภายนอกใช้รักษาโรคหรือการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง ในกรณีที่เกิดโรครุนแรงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์ได้ทั่วร่างกาย เช่น ยาชนิดรับประทาน
เอกสารอ้างอิง
  1. Lawton S. Skin 1: the structure and functions of the skin. Nursing Times 2019; 115:30-3.
  2. Lawton S. Skin 2: accessory structures of the skin and their functions. Nursing Times 2020; 116:44-6.
  3. Abd E, Yousef SA, Pastore MN, Telaprolu K, Mohammed YH, Namjoshi S, et al. Skin models for the testing of transdermal drugs. Clin Pharmacol 2016; 8:163-76.
  4. Schaefer H, Redelmeier TE, Nohynek GJ, Lademann J. Chapter 215. Pharmacokinetics and topical applications of drugs. In: Goldsmith LA, Katz SI, Gilchrest BA, Paller AS, Leffell DJ, Wolff K, eds. Fitzpatrick's Dermatology in General Medicine, 8e. McGraw-Hill, 2012. https://accessmedicine.mhmedical.com/content.aspx?bookid=392§ionid=41138951. Accessed: December 20, 2020.
  5. Ray P, Singh S, Gupta S. Topical antimicrobial therapy: current status and challenges. Indian J Med Microbiol 2019; 37:299-308.
  6. Sharadha M, Gowda DV, Gupta VN, Akhila AR. Overview on topical drug delivery system – updated review. Int J Res Pharm Sci 2020; 11:368-85.
  7. Keri JE. Principles of topical dermatologic therapy, revision June 2019. Merck Manual Professional Version. https://www.msdmanuals.com/professional/dermatologic-disorders/principles-of-topical-dermatologic-therapy/principles-of-topical-dermatologic-therapy. Accessed: December 20, 2020.
  8. Williamson DA, Carter GP, Howden BP. Current and emerging topical antibacterials and antiseptics: agents, action, and resistance patterns. Clin Microbiol Rev 2017; 30:827-60.
เปิดอ่านด้วย Google Doc Viewer ดาวน์โหลดบทความ (pdf) ดูบทความอื่นๆ

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้

งานประชุมวิชาการที่กำลังเปิดรับสมัคร


บทความที่ถูกอ่านล่าสุด


21 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด



ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์บทความ:
บทความในหน้าที่ปรากฎนี้สามารถนำไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทั้งนี้การนำไปทำซ้ำนั้นยังคงต้องปรากฎชื่อผู้แต่งบทความ และห้ามตัดต่อหรือเรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้ใหม่โดยเด็ดขาด และกรณีที่ท่านได้นำบทความนี้ไปใช้ในเว็บเพจของท่าน ให้สร้าง Hyperlink เพื่อสร้าง link อ้างอิงบทความนี้มายังหน้านี้ด้วย

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ดูเบอร์ติดต่อหน่วยงานต่างๆ | ดูข้อมูลการเดินทางและแผนที่

เว็บไซต์นี้ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2024
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้