หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เราสามารถจ่ายยาแก้แพ้ gen 3 ให้กับคนไข้คัดจมูกแต่ไม่อยากได้ยาที่ทำให้ง่วงนอนได้ไหม หรือมีวิธีการจ่ายยาแบบอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่านี้

ถามโดย Rainy เผยแพร่ตั้งแต่ 13/05/2025-10:20:38 -- 53 views
 

คำตอบ

ยาแก้แพ้รุ่นที่ 3 (third-generation antihistamines) ได้แก่ desloratadine, fexofenadine และ levocetirizine (1) เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากยาแก้แพ้รุ่นที่ 2 โดย desloratadine และ fexofenadine เป็นเมแทบอไลต์ที่ออกฤทธิ์ของ loratadine และ terfenadine ตามลำดับ ส่วน levocetirizine เป็นเอแนนทิโอเมอร์ที่ออกฤทธิ์ของ cetirizine ทั้งสามชนิดให้ผลการรักษาเทียบเท่าหรือเหนือกว่ายารุ่นก่อนหน้า และมีแนวโน้มทำให้ง่วงน้อยลง เนื่องจากมีการซึมผ่านเข้าสู่สมองได้น้อยกว่า (2) จากการวิเคราะห์ผลทดลองทางคลินิกในฐานข้อมูล MEDLINE และ EMBASE รวม 26 ฉบับ พบว่ายาทั้งสามชนิดมีความสัมพันธ์กับการลดอาการคัดจมูก (nasal congestion) ในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โดย desloratadine เพิ่มการไหลเวียนอากาศในโพรงจมูกได้อย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) และออกฤทธิ์ภายใน 2 ชั่วโมงหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ ขณะที่ fexofenadine มีผลลดคะแนนประเมินอาการคัดจมูก (nasal congestion scores) ได้อย่างชัดเจนใน 4 การศึกษา (P < 0.05) และ levocetirizine ใน 3 การศึกษา (P ≤ 0.005) (3) ทั้งนี้เมื่อพิจารณาผลข้างเคียงด้านอาการง่วงนอน พบว่า fexofenadine ไม่สามารถแทรกผ่านแนวกั้นเลือดและสมอง (blood brain barrier: BBB) ได้ จึงส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดอาการง่วงนอนน้อยกว่ายาอีกสองชนิด (4) ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงเรื่องอาการง่วงซึม โดยเฉพาะในผู้ที่ไวต่อยา อาจพิจารณาให้รับประทานยาก่อนนอน หรือเลือกใช้ fexofenadine ซึ่งมีความเสี่ยงต่ออาการง่วงน้อยกว่า อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาแก้แพ้ อาจพิจารณารักษาด้วยยาพ่นจมูกกลุ่มสเตียรอยด์ (intranasal steroids) เช่น fluticasone propionate หรือยาพ่นบรรเทาอาการคัดจมูก (topical nasal decongestants) เช่น oxymetazoline ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย (5,6)

Reference:
1.Olasinska-Wisniewska A, Olasinski J, Grajek S. Cardiovascular safety of antihistamines. Postepy Dermatol Alergol. 2014;31(3):182-6.

2.Handley DA, Magnetti A, Higgins AJ. Therapeutic advantages of third generation antihistamines. Expert Opin Investig Drugs. 1998;7(7):1045-54.

3.Bachert C. A review of the efficacy of desloratadine, fexofenadine, and levocetirizine in the treatment of nasal congestion in patients with allergic rhinitis. Clin Ther. 2009;31(5):921-44.

4.Rajesh GD, Vishwakarma R, Koshy AJ, Henna F, Raju R, Somayaji KSG, et al. The search for the holy grail: In silico design and analysis of a non-sedative third generation, cetirizine-derived H1R anti-histamine with reduced hERG toxicity. Lett Drug Des Discov. 2025;22(2):100010.

5.Scadding GK, Kariyawasam HH, Scadding G, Mirakian R, Buckley RJ, Dixon T, et al. BSACI guideline for the diagnosis and management of allergic and non-allergic rhinitis (Revised Edition 2017; First edition 2007). Clin Exp Allergy. 2017;47(7):856-89.

6.Corey JP, Houser SM, Ng BA. Nasal congestion: a review of its etiology, evaluation, and treatment. Ear Nose Throat J. 2000;79(9):690-3, 6, 8 passim.

Keywords:
third-generation antihistamines, nasal congestion, sedative effect





ทางเดินหายใจและหูตาคอจมูก

ดูคำถามทั้งหมด
 
ข่าวยาประจำสัปดาห์ล่าสุด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้