หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

FDA อนุมัติยา Coartem® สำหรับรักษา acute uncomplicated malaria

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน พฤษภาคม ปี 2552 -- อ่านแล้ว 5,518 ครั้ง
 
องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาอนุมัติยา artemether-lumefantrine tablets (Coartem®) สำหรับรักษาการติดเชื้อมาเลเรียชนิด acute uncomplicated จากเชื้อ Plasmodium falciparum ยาดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดแรกที่เป็นสูตรยาแบบผสมของ artemisinin (artemisinin-based combination therapy; ACT) โดยสามารถใช้ในผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม โดยใช้ยาเป็นเวลา 3 วัน ในพื้นที่ที่มีเชื้อที่เกิดการดื้อยาหลายชนิด ยานี้สามารถให้อัตราการหายมากกว่าร้อยละ 96 ตั้งแต่ปี 2001 องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ ACT เป็นยาที่เลือกใช้เป็นอันดับแรกในการรักษาโรคมาเลเรียชนิด acute uncomplicated ในพื้นที่ที่เชื้อดื้อต่อยาเดิมที่ใช้อยู่ ปัจจุบันเชื้อมาเลเรียดื้อต่อยาที่ใช้รักษามาเลเรียเกือบทั้งหมดได้แก่ amodiaquine, chloroquine, mefloquine, quinine, sulfadoxine, pyrimethamine ยกเว้น artemisinin และอนุพันธ์ ดังนั้นยาดังกล่าวจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับการรักษามาเลเรีย องค์การอนามัยโลกประมาณการณ์ว่าจะมีคนเป็นโรคมาเลเรียประมาณ 300 ถึง 500 ล้านคนในแต่ละปีและในจำนวนนี้จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1 ล้านคนต่อปีซึ่งประมาณร้อยละ 90 ของจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่สามารถพบได้บ้างในทวีปเอเชียและอเมริกาใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเด็กโดยในทวีปแอฟริกาอย่างเดียวพบผู้ป่วยเด็กเสียชีวิตทุก 30 วินาที สำหรับในประเทศอเมริกาพบผู้ป่วยมาเลเรียประมาณ 1,300 รายต่อปีซึ่งส่วนใหญ่เกิดการติดเชื้อจากการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่ ทวีปแอฟริกาและเอเชียใต้ ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 35 กิโลกรัมขึ้นไป ให้รับประทานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน (ทั้งหมด 6 ครั้ง) โดยรับประทาน 4 เม็ดแรกเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมาเลเรียและรับประทานอีก 4 เม็ดห่างจากครั้งแรก 8 ชั่วโมงตามด้วย 4 เม็ดวันละ 2 ครั้งติดต่อกันอีก 2 วัน ขนาดยาสำหรับเด็กทารกและเด็กที่มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัมถึงน้อยกว่า 35 กิโลกรัม ให้ยาทั้งหมด 6 ครั้งโดยเริ่มด้วย 1-3 เม็ดตามน้ำหนักตัว (1 เม็ดสำหรับ 5-14 กิโลกรัม, 2 เม็ดสำหรับ 15-24 กิโลกรัม, 3 เม็ดสำหรับ 25-34 กิโลกรัม) โดยควรให้ยาร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูงเช่น นม เพื่อเพิ่มการดูดซึมยา ยาartemether-lumefantrine ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มี QT prolongation หรือมีภาวะ electrolyte imbalances เช่นภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ แมกนีเซียมในเลือดต่ำหรือได้รับยาอื่นที่สามารถทำให้เกิด QT prolongation ผู้ป่วยที่ทานยาที่เป็น substrates ของเอนไซม์ CYP2D6 เช่น flecainide, metoprolol, imipramine, amitriptyline, clomipramine ควรมีการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาและอาการQT prolongation ร่วมด้วย ยาartemether-lumefantrine ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกแต่สามารถใช้ได้ในไตรมาสที่สองและสามหากยาให้ประโยชน์ต่อมารดามากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดต่อทารกในครรภ์ (category C) หญิงที่จะให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาประมาณ 28 วันก่อนจะให้นมเนื่องจาก lumefantrine มีค่าครึ่งชีวิตในการขับออกยาว (ประมาณ 3-6 วัน) อาการไม่พึงประสงค์จากยาที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ได้แก่ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร เวียนศีรษะ ปวดข้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการไม่พึงประสงค์จากยาที่พบบ่อยในเด็กได้แก่ ไข้ ไอ อาเจียน ไม่อยากอาหาร ปวดศีรษะ
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.4 ยาอันตรายควบคุม (Controlled dangerous drugs)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้