![]() |
N-acetylcysteine หรือเรียกชื่อย่อว่า NAC นอกจากใช้เป็นยาละลายเสมหะแล้ว ยังมีประโยชน์อื่น ๆ เช่น ใช้รักษาผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือสำหรับแก้พิษจากการกินยาพาราเซตามอล (paracetamol) เกินขนาด(1) นอกจากนี้ปัจจุบันพบว่าประชาชนให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าการใช้ NAC จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส จนอาจละเลยผลเสียจากการใช้ NAC เกินความจำเป็น บทความนี้จึงขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว รวมทั้งข้อควรระวังในการใช้ NAC
ผิวคล้ำเสียเกิดจากการผลิตเม็ดสีผิว หรือเรียกว่า “เมลานิน (melanin)” เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ แสงแดด สภาพผิวหนัง ฮอร์โมน อายุ ปัจจัยทางพันธุกรรม การบาดเจ็บหรือการอักเสบที่ผิวหนัง และสิว(2) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ การเกิดฝ้าบนใบหน้า (melasma) และรอยดำหลังเป็นสิว ซึ่งเชื่อว่าอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่มากเกิน ร่วมกับการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ที่เพิ่มขึ้นในเซลล์ผิวหนังเป็นกลไกที่เร่งการสร้างเมลานิน(3,4) ซึ่งต่างจากคนที่มีผิวเข้มตามธรรมชาติที่มีสัดส่วนเม็ดสีผิวเข้มมากกว่าสีอ่อนตั้งแต่เกิด(5)
NAC มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ทั้งโดยตรงและจากการเป็นสารตั้งต้นของกลูตาไธโอน (glutathione)(6) อีกทั้งพบว่าสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส(3) จึงเป็นไปได้ที่ NAC จะช่วยยับยั้ง
การสร้างเม็ดสีผิวที่เป็นสาเหตุของผิวคล้ำเสีย (รูปที่ 1) ทำให้หลายคนเชื่อว่า NAC อาจช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้
รูปที่ 1 กลไกการเกิดผิวคล้ำเสียและการทำงานของ NAC ที่เชื่อว่าอาจช่วยให้ผิวขาวขึ้น
แม้ว่า NAC จะมีฤทธิ์ตามที่กล่าวมาข้างต้นจากการศึกษาในระดับเซลล์หรือระดับโมเลกุล แต่เมื่อนำมาศึกษาในมนุษย์กลับพบว่า NAC ไม่ได้มีประสิทธิภาพเพิ่มความกระจ่างใสของผิวอย่างชัดเจน เช่น การศึกษาโดยฉีด NAC ขนาด 900 มิลลิกรัม เข้าหลอดเลือดดำ สัปดาห์ละครั้ง นาน 2 เดือน ในอาสาสมัครจำนวน 14 คน พบว่าไม่มีผลเพิ่มความกระจ่างใสบริเวณใบหน้าและแขน เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้ NAC (ฉีดน้ำเกลือ) จำนวน 14 คน แต่เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะผลก่อนและหลังฉีด NAC พบผิวกระจ่างใสเพิ่มขึ้น(7)
นอกจากนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับการรับประทาน NAC ต่อความเข้มเม็ดสีผิว โดยให้อาสาสมัครจำนวน 20 คน รับประทาน NAC ขนาด 900 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร นาน 1 เดือน พบว่า NAC ไม่มีผลต่อความเข้มของเม็ดสีผิว เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้ NAC (จำนวน 20 คน) แต่เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะผลก่อนและหลังรับประทาน พบว่าผิวขาวขึ้นในบริเวณที่ถูกปกป้องจากแสงแดดเท่านั้น เช่น ใบหน้า (ทาครีมกันแดด) และต้นแขน (อยู่ภายในแขนเสื้อ)(8)
ส่วนกรณีฝ้าบนใบหน้า ในอดีตมีการศึกษาผลของครีมที่ประกอบด้วย 4.7% NAC และ 2% hydroquinone ในการรักษาฝ้าบนใบหน้า โดยให้อาสาสมัครจำนวน 12 คน ทาครีมวันละ 2 ครั้ง นาน 1-4 เดือน พบว่า 9 ใน 10 คน (90%) มีสีผิวหน้าจางลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 4-8 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับด้านที่ไม่ใช้ครีม อย่างไรก็ตามเนื่องจาก hydroquinone สามารถลดการสร้างเม็ดสีผิวจากการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสเช่นเดียวกัน จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นผลจาก NAC(9) ต่อมามีการศึกษาโดยให้ผู้ป่วยที่มีฝ้าบนใบหน้าระดับปานกลางถึงรุนแรง จำนวน 25 คน รับประทาน NAC ขนาด 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 2 เดือน พบว่า NAC ไม่ช่วยลดการเกิดฝ้าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้ NAC(10)
จากข้อมูลเหล่านี้จะเห็นได้ว่า การศึกษาในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาขนาดเล็ก (มีผู้ใช้ NAC จำนวนน้อย) และศึกษาในระยะสั้น (เช่น 1-2 เดือน) จึงยากต่อการสรุปอย่างแน่ชัดว่า NAC มีผลต่อความเข้มของสีผิวหรือไม่
โดยทั่วไป NAC รูปแบบรับประทานถือว่าปลอดภัย ทั้งในขนาดมาตรฐาน (ไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อวัน) และขนาดสูง (มากกว่า 600 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน) ซึ่งผลข้างเคียงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยอาการข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง(11) อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ได้จากการใช้ยาสำหรับรักษาโรคทางเดินหายใจเป็นส่วนใหญ่ และยังขาดข้อมูลความปลอดภัยในระยะยาว โดยเฉพาะหากใช้ NAC นานกว่า 2 ปี(12)
กรณีฉีด NAC ทางหลอดเลือดดำ อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า เช่น อาการแพ้รุนแรง (ผื่นขึ้น หายใจลำบาก หน้าหรือปากบวม) รวมถึงอาการอื่น ๆ เช่น หน้าแดง หัวใจเต้นเร็ว บวม หรือคลื่นไส้ ดังนั้นการฉีด NAC ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามอาการหลังฉีด(13)
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันว่า NAC สามารถทำให้ผิวขาวขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดหรือรับประทาน อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศไม่ได้อนุมัติให้ใช้ NAC สำหรับช่วยเพิ่มความกระจ่างใสของผิว ดังนั้นผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปจากการซื้อ NAC มาใช้เองเพื่อหวังผลทำให้ผิวขาว
สำหรับผู้ที่ชอบดูแลผิวพรรณและกำลังสรรหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มาช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด รวมทั้งสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อนนำมาใช้ เพราะแม้แต่ NAC เองก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าสามารถทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้ ทั้งนี้การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวคล้ำเสีย เช่น แสงแดด และพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิว ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยดูแลรักษาสุขภาพผิวเช่นกัน
![]() |