|
โรคลำไส้แปรปรวน หรือ irritable bowel syndrome (IBS) เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของทางเดินอาหารซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางกายภาพ อัตราการพบโรคอยู่ที่ 11.2% โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้บ่อยในคนอายุน้อยกว่า 50 ปี(1) ลักษณะเด่นของโรคนี้ คือ อาการปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ ร่วมกับการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับท้องเสีย และมักมีอาการท้องอืดหรือแน่นท้องร่วมด้วย โดยแพทย์จะวินิจฉัยเมื่อเริ่มมีอาการมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน และยังมีอาการต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา(2)
โรคลำไส้แปรปรวนแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะการขับถ่ายที่ผิดปกติในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา(3) ได้แก่
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง(4) ได้แก่
- การติดเชื้อในทางเดินอาหาร
- การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้
- ลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติหรือลำไส้ไวต่อสิ่งกระตุ้น
- ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
- อาหารที่มี fructans สูง เช่น ข้าวสาลี
- พันธุกรรม เช่น การกลายพันธุ์ของยีน SCN5A ที่มีผลต่อการทำงานของลำไส้(5)
การปรับพฤติกรรมมีส่วนสำคัญมากในการรักษา IBS โดยหลักปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่
จะพิจารณาตามอาการเด่นของผู้ป่วย(3, 9-13) ดังข้อมูลของยาที่นิยมใช้ดังสรุปไว้ในตารางต่อไปนี้ อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ยาแต่ละชนิดจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาและติดตามจากแพทย์ผู้ทำการรักษาเท่านั้น
|
ยาสำหรับรักษา |
ตัวอย่างยาที่นิยม |
กลไกการออกฤทธิ์ |
ขนาดยาที่แนะนำ |
ผลข้างเคียงที่อาจพบ/ข้อควรระวัง |
|
|
อาการปวดท้อง
|
ยาแก้ปวดเกร็งท้อง (antispasmodics) |
||||
|
Hyoscine butylbromide |
ยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท acetylcholine ส่งผลลดการบีบตัวของลำไส้และอาการปวดเกร็งในช่องท้อง |
10 มก. วันละ 3 ครั้ง หรือเพิ่มเป็น 20 มก. วันละ 4 ครั้ง หากจำเป็น |
ง่วงซึม ปากแห้ง ท้องผูก ห้ามใช้ในผู้ป่วยต้อหินแบบปิด (angle-closure glaucoma), myasthenia gravis และลำไส้อุดตัน |
||
|
Mebeverine |
ยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมที่กล้ามเนื้อเรียบในทางเดินอาหารและมีฤทธิ์คล้ายยาชาเฉพาะที่ ส่งผลให้ลดการปวดเกร็งโดยรบกวนการเคลื่อนไหวของลำไส้น้อย |
135 มก. วันละ 3 ครั้ง หรือ 200 มก.วันละ 2 ครั้ง (ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน) |
อาหารไม่ย่อย แสบร้อนกลางอก ท้องผูก |
||
|
Peppermint oil |
ยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมที่กล้ามเนื้อเรียบในทางเดินอาหาร ทำให้ลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง |
1-2 เม็ด (0.2 มล./เม็ด) วันละ 3 ครั้ง |
แสบร้อนกลางอก |
||
|
ยาปรับการทำงานของสารสื่อประสาท |
|||||
|
Amitriptyline |
ยับยั้งการเก็บกลับของสารสื่อประสาท serotonin และ norepinephrine ทำให้ลดการส่งสัญญาณความปวด |
เริ่มต้น 10 มก./วัน |
ง่วงซึม ปากแห้ง ท้องผูก |
||
|
อาการท้องผูก |
ยาระบายชนิดเพิ่มกาก (bulk-forming laxatives) |
||||
|
Psyllium |
เพิ่มกากใยและมวลอุจจาระ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย |
5-10 กรัม วันละ 1 ครั้ง |
ท้องอืดแน่นท้อง
|
||
|
ยาระบายชนิดออสโมติก (osmotic laxatives) |
|||||
|
Milk of magnesia (MOM) |
ดึงน้ำในร่างกายมาที่ลำไส้เพื่อทำให้อุจจาระนิ่ม |
15-45 มล. วันละ 1 ครั้ง
|
ระวังในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง
|
||
|
Polyethylene glycol (PEG) |
10-20 กรัม วันละ 1 ครั้ง |
ท้องเสีย |
|||
|
Lactulose |
15-30 มล. วันละ 1-2 ครั้ง |
ท้องอืดแน่นท้อง |
|||
|
ยาระบายชนิดกระตุ้น (stimulant laxatives) |
|||||
|
Bisacodyl |
กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ |
5-10 มก. วันละ 1 ครั้ง |
ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืด ไม่ควรใช้ต่อเนื่องระยะยาว |
||
|
Senna |
15-20 มก. วันละ 1 ครั้ง |
||||
|
ยาระบายรุ่นใหม่ |
|||||
|
Lubiprostone |
เพิ่มการหลั่งสารน้ำในลำไส้ |
8 มคก. วันละ 2 ครั้ง รับประทานพร้อมอาหาร |
คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้อง |
||
|
Prucalopride
|
กระตุ้นการหดตัวและเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ |
2 มก. วันละ 1 ครั้ง ในผู้ใหญ่อายุ >65 ปี หรือ creatinine clearance <30 มล./นาที: 1 มก. วันละ 1 ครั้ง |
ถ่ายเหลว คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดหัว หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต
|
||
|
Elobixibat |
ยับยั้งการดูดซึมกลับของกรดน้ำดีทำให้เพิ่มการหลั่งน้ำและเกลือแร่ในลำไส้ใหญ่ |
10 มก. วันละ 1 ครั้ง |
ปวดท้อง ท้องเสีย |
||
|
อาการท้องเสีย |
ยาลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ |
||||
|
Loperamide |
ลดการเคลื่อนไหวและยับยั้งการหลั่งน้ำและเกลือแร่ในลำไส้ |
2-4 มก. วันละ 1-4 ครั้ง |
ระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคตับ |
||
|
Ondansetron |
ลดการเคลื่อนไหวและยับยั้งการหลั่งน้ำและเกลือแร่ในลำไส้ |
4-24 มก./วัน |
ท้องผูก |
||
|
ยาอื่น ๆ |
|||||
|
Rifaximin |
ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเฉพาะที่ลำไส้ |
550 มก. วันละ 2 ครั้ง |
ห้ามใช้ในผู้ป่วยลำไส้อุดตัน |
||
|
Cholestyramine |
จับกรดน้ำดีในลำไส้ |
4 กรัม วันละ 1-4 ครั้ง |
ปวดหัว คลื่นไส้ ท้องอืด ใช้ในผู้ป่วยกลุ่มที่มีการดูดซึมกรดน้ำดีผิดปกติ |
||
โรคลำไส้แปรปรวนแม้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก การรักษามุ่งเน้นที่การปรับพฤติกรรม หากอาการยังไม่ดีขึ้นสามารถใช้การรักษาด้วยยา โดยแพทย์จะเลือกให้ยาตามอาการเด่น เช่น ยาลดการเกร็งลำไส้ ยาระบาย หรือยาลดอาการท้องเสีย แม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดูแลแบบองค์รวมจะช่วยควบคุมอาการและปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้
|
|