Knowledge Article


ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผม


รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงดาว ฉันทศาสตร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วีรวัฒน์ ตีรณะชัยดีกุล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก : http://brookesnews.com/wp-content/uploads/2017/11/long-hair.jpg
89,209 View,
Since 2019-11-24
Last active: 2h ago
https://tinyurl.com/2bhsvd5r
Scan to read on mobile device
 
A - | A +


ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (cleansers) ในทางเครื่องสำอาง ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์สำหรับทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผม ได้แก่ แชมพู (shampoo) สบู่เหลว (liquid soap) ครีมอาบน้ำ (shower gel) มีองค์ประกอบในตำรับที่สำคัญที่สุด คือ สารลดแรงตึงผิว (surfactants) โมเลกุลของสารลดแรงตึงผิว ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ชอบน้ำ (hydrophilic group) และส่วนที่ไม่ชอบน้ำ (hydrophobic group) ส่วนที่ไม่ชอบน้ำมักจะเป็นสายไฮโดรคาร์บอนเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะสำคัญของสารลดแรงตึงผิวคือ เมื่อใส่สารลดแรงตึงผิวลงในน้ำ สารลดแรงตึงผิวจะไปลดแรงตึงผิวของน้ำทำให้เกิดกระบวนการต่าง ๆ เช่น การเกิดฟอง การทำให้เปียก และกระบวนการทำความสะอาด เป็นต้น โดยส่วนหางของสารลดแรงตึงผิวที่ไม่ชอบน้ำจะเกาะกับไขมัน หรือสิ่งสกปรกที่ไม่ชอบน้ำที่อยู่บนผิวหนังหรือเส้นผม ส่วนหัวที่ชอบน้ำจะหันไปสัมผัสกับโมเลกุลของน้ำ ซึ่งสารลดแรงตึงผิวจะเกาะกันจำนวนมากเกิดเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ละลายตัวในน้ำได้ เรียกว่า ไมเซลล์ (micelle) โดยไขมันหรือสิ่งสกปรกจะอยู่บริเวณแกนกลางของโครงสร้างไมเซลล์ ดังแสดงใน รูปที่ 1 แล้วถูกชำระล้างไปกับน้ำ



สารลดแรงตึงผิวแบ่งตามลักษณะหรือประจุของส่วนที่ชอบน้ำ (hydrophilic group) ดังแสดงใน รูปที่ 2 ได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
  • สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุลบ (anionic surfactant) ได้แก่ สารในกลุ่ม fatty acid soap หรือที่เรียกว่าสบู่ ซึ่งเกิดจากกรดไขมันทำปฏิกิริยากับด่าง เช่น potassium laurate และ potassium myristate เป็นต้น และยังมีสารในกลุ่ม alkyl sulphate เช่น sodium lauryl sulfate (SLS) ซึ่งมีสูตรโมเลกุลคือ CH3(CH2)11 SO4-Na+ มีอำนาจในการชะล้างที่ดี แต่การใช้ในความเข้มข้นสูง ๆ อาจกำจัดไขมันในผิวหนังมากเกินไป ทำให้ผิวแห้ง และสารในกลุ่ม alkyl ether sulfate เช่น sodium laureth sulphate (SLES ) ซึ่งมีสูตรโมเลกุล คือ CH3(CH2)10(OCH2CH2)3 SO4-Na+ มักจะเป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์อาบน้ำ และแชมพู

    นอกจากนี้สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุลบที่นิยมใช้ในการชำระล้างได้แก่ สารในกลุ่ม alkyl sulfosuccinate ได้แก่ sodium lauryl monoethanolamide และ disodium laureth sulfosuccinate และสารในกลุ่ม isethionate ได้แก่ sodium cocoyl isethionate และ sodium oleyl methyl aminoethyl sulfonate เป็นต้น ซึ่งสารใน 2 กลุ่มหลังเป็นสารที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเน้นความอ่อนโยน (mildness)
  • สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุบวก (cationic surfactant) ได้แก่ cetyltrimethyl ammonium bromide ซึ่งมีสูตรโมเลกุล คือ C16H33N(CH3)3+Br- สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุบวกมักพบในผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน และครีมนวดผม นอกจากนี้สารลดแรงตึงผิวประจุบวกยังมีการนำไปใช้ทำความสะอาดแผลเปิด และแผลไฟไหม้ ได้แก่ benzalkonium chloride solution เข้มข้น 0.1% - 1% และ cetrimide solution เข้มข้น 0.5% - 2% ใช้เป็นสารกันเสียในผลิตภัณฑ์ยาตา อย่างไรก็ตามสารลดแรงตึงผิวกลุ่มนี้มักใช้เป็นสารต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์มากกว่าใช้เป็นสารลดแรงตึงผิวในตำรับเครื่องสำอาง
  • สารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุ (nonionic surfactant) ได้แก่ สารชำระล้างในกลุ่ม polyoxyethylene fatty alcohol และ polyoxyethylene sorbitol ester ได้แก่ polysorbate 20, polysorbate 80 เป็นต้น สารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุนี้มักจะนำไปผสมในสบู่เหลวล้างหน้า นอกจากนี้ยังมีสารในกลุ่ม alkyl glucoside ได้แก่ decyl glucoside, lauryl glucoside แม้ว่าเป็นสารลดแรงตึงผิวที่อ่อน ให้ฟองน้อยแต่ข้อดีคือ สารกลุ่มนี้มีความเป็นพิษต่ำ มีอำนาจในการชำระล้างสูง ให้ความอ่อนโยนต่อผิวหนังและเส้นผม ดังนั้นสารในกลุ่มนี้จึงนิยมใช้ร่วมกับสารชำระล้างอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มอำนาจในการทำความสะอาด และสารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุยังนิยมใช้ในการเพิ่มการละลายของสารอื่น ๆ ในตำรับ ได้แก่ น้ำหอม อย่างไรก็ตามสารลดแรงตึงผิวกลุ่มที่ไม่มีประจุนี้มีราคาแพงมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสารลดแรงตึงผิวกลุ่มอื่น ๆ
  • สารลดแรงตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ (Amphoteric surfactant) ได้แก่ sodium lauroamphoacetate มีสูตรโมเลกุล คือ C18H35N2NaO4 นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในสบู่และแชมพูสำหรับเด็ก และเป็นสารที่เป็นที่มาของสโลแกน “no more tear” นอกจากนี้ยังมีตัวอื่น ๆ อีก เช่น cocamidopropyl betaine, sodium cocoamphoacetate เป็นต้น


แม้ว่าสารลดแรงตึงผิวในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจะช่วยกำจัดไขมันและสิ่งสกปรกที่ไม่ต้องการจากผิวหนังและเส้นผม แต่ปัญหาที่พบคือ สารลดแรงตึงผิวในผลิตภัณฑ์ยังมีผลกำจัดสารให้ความชุ่มชื้น โปรทีน ไขมัน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวหนัง ตลอดจนเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงตัวของไขมัน และรบกวนการทำงานของเอนไซม์ที่มีในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแห้งและอาจทำให้เกิดการอักเสบได้อีกด้วย ดังแสดงในรูปที่ 3 ทั้งนี้ความแรงของสารลดแรงตึงผิวในการทำความสะอาดผิวหนังหรือเส้นผม ขึ้นอยู่ชนิดของสารลดแรงตึงผิวในตำรับ โดยทั่วไปความแรงในการกำจัดไขมันออกจากผิวเรียงจากมากไปน้อย คือ สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุลบ มากกว่า สารลดแรงตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ มากกว่า สารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุ



หากจะกล่าวถึงสารลดแรงตึงผิวที่มีประจุลบที่มีความแรงในการกำจัดไขมันและสิ่งสกปรกได้สูงสุด สารที่ใช้กันมากและมีบทบาทสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำความสะอาดมากที่สุด มี 2 สาร คือ sodium lauryl sulfate (SLS) และ sodium laureth sulphate (sodium lauryl ether sulphate) (SLES ) ดังโครงสร้างเคมีแสดงในรูปที่ 4 โดยสารทั้ง 2 ตัว ยังทำให้เกิดฟองได้ดี และขจัดสิ่งสกปรกได้ดี ซึ่งสารเคมี 2 ตัวนี้กำลังเป็นที่กล่าวถึงมากในการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำความสะอาด



SLS หรือบางทีก็เรียกว่า sodium dodecyl sulfate สารตัวนี้นิยมใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ที่มีฟองมาก ๆ ในเกรดการชำระล้างสำหรับเคหะสถานและสิ่งทอ (household/laundry products) เช่น ผงซักฟอก น้ำยาถูพื้น เป็นต้น เมื่อสัมผัสกับผิวหนังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองสูง ดังนั้นจึงไม่นิยมใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชำระล้างร่างกายที่ต้องการความอ่อนโยน หน้าที่การทำงานหลักของสารนี้คือ ลดแรงตึงผิวทำให้น้ำมีความตึงผิวลดลง จึงสามารถแทรกซึมเข้าไปยังเนื้อผ้าหรือวัสดุที่ต้องการล้างได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม SLS เป็นสารทำความสะอาดที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้มากที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งมักพบได้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด เนื่องจากคุณสมบัติในการเกิดฟองได้ดี สารตัวนี้ถูกนำมาใช้เป็นสารมาตรฐานในการทดสอบระดับการระคายเคืองของผิวหนัง (positive control) โดยใช้ที่ความเข้มข้น 2 - 5% ในการศึกษาการระคายเคืองทางผิวหนัง และสามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ในคนกลุ่มใหญ่

SLES มีโครงสร้างคล้าย SLS ต่างกันที่ SLES มีโครงสร้างที่เป็น ether แทรกในส่วนโครงสร้างที่ไม่ชอบน้ำ ทำให้สมบัติของ SLES ต่างจาก SLS อย่างมาก โดย SLES ได้รับการพิจารณาว่ามีความอ่อนโยนเมื่อเทียบกับ SLS จึงนิยมใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผม SLES เป็นสารทำความสะอาดที่อ่อนโยนกว่า SLS เนื่องจากเป็นสารประกอบที่เกิดจากไขมันแอลกอฮอล์หลาย ๆ ชนิด

ในการตั้งตำรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับผิวหนังและเส้นผมนิยมใช้สารลดลงแรงตึงผิวหลายชนิดร่วมกัน เช่น การใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ ร่วมกับสารลดแรงตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ หรือ สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ ร่วมกับสารลดแรงตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ และสารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุ เพื่อทำให้ตำรับมีความอ่อนโยนต่อผิวหนังและเส้นผม ซึ่งการที่ใช้สารลดแรงตึงผิวหลายกลุ่มร่วมกัน โมเลกุลของสารลดแรงตึงผิวจะเรียงตัวเป็นไมเซลล์ที่มีขนาดอนุภาคใหญ่ ส่งผลให้อำนาจในการกำจัดไขมันออกจากผิวลดลงและการเกิดฟองน้อยลง

ในการตั้งตำรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผม องค์ประกอบหลักที่มีในตำรับคือ สารลดแรงตึงผิว (15-30%) สารเพิ่มฟอง (1-4%) สารเพิ่มความหนืด (0-5%) สารกันเสีย (0.1-1%) สารเพิ่มความชุ่มชื้น (1-5%) สารคีเลต (0-0.02%) และสารปรับความเป็นกรดด่างให้ได้ pH 5.5 -6 โดยสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ผสมกัน จะมีตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็นสารลดแรงตึงผิวหลัก (principle surfactant) มีหน้าที่สำคัญในการทำความสะอาด และสารลดแรงตึงผิวเสริม (auxillary surfactant หรือ secondary surfactant) มีหน้าที่ในการลดการระคายเคืองต่อผิวหนังและเส้นผมของสารลดแรงตึงผิวหลัก ช่วยเพิ่มความคงตัวให้กับฟอง และทำให้ฟองที่เกิดขึ้นมีลักษณะแน่น รวมถึงลดจุดด้อยของสารลดแรงตึงผิวหลัก

ตัวอย่างสารที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผมที่พบในท้องตลาดคือ
  • สารลดแรงตึงผิวหลัก ได้แก่ SLES, ammonium lauryl sulfate, α-olefin sulfosuccinate
  • สารลดแรงตึงผิวเสริม ได้แก่ cocamidopropyl betaine, disodium oleamido sulfocuccinate, decyl glucoside
  • สารเพิ่มฟอง ได้แก่ sodium cocaminopropionate, coconut diethanolamide, N,N dimethyl dodecylamine oxide
  • สารเพิ่มความหนืด ได้แก่: sodium chloride, PEG 600 distearate
  • สารปรับสภาพผิว ได้แก่ สารกลุ่มซิลิโคน, พอลิเมอร์ประจุบวก และสารจำพวกไขมัน/น้ำมัน, glycerin
  • สารกันเสีย ได้แก่ parabens (methyl paraben, ethyl paraben, propyl paraben), phenoxyethanol, DMDM hydantoin, methylisothiazolinone และ methylchloroisothiazolinone เป็นต้น
สำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และสำหรับผิวแพ้ง่าย อาจต้องหลีกเลี่ยงสารลดแรงตึงผิวหลัก ได้แก่ SLES และ SLS ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผม โดยแนะนำให้ใช้สารลดแรงตึงผิวในกลุ่มมีทั้งประจุบวกและประจุลบ เช่น sodium lauroamphoacetate ซึ่งสารนี้เป็นต้นกำเนิดของผลิตภัณฑ์ศีรษะจรดเท้า (head to tole) และไม่ระคายเคืองต่อดวงตาสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม นอกจากนี้ยังมีสารลดแรงตึงผิวในกลุ่มที่ไม่มีประจุ เช่น กลุ่มที่ทำมาจากน้ำตาล ได้แก่ decyl glucoside, lauryl glucoside แต่ต้องยอมรับว่า กลุ่มที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ และกลุ่มไม่มีประจุ ประสิทธิภาพการทำความสะอาดต่ำกว่า SLES และราคาแพงกว่ามากโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีประจุที่ทำมาจากน้ำตาล

เอกสารอ้างอิง
  1. Walters RM, Moa G, GunnET, Hornby S. Cleansing formulations that respect skin barrier integrity. Dermatol Res Pract 2012;1-9.
  2. Ananthapadmanabhan KP, Morore DJ, Subramanyan K, Misra M, Mayer F. Cleansing without compromise: the impact of cleansers on the skin barrier and the technology of mild cleansing. Dermatol Ther 2004;17:16-25.
  3. Isoda K, Seki T, Inoue Y, Umeoda K, Tababe H, Takagi Y, et al. Efficacy of the combined use of a facial cleanser and moisturizers for the care of mild acne patients with sensitive skin. J Dermatol2015; 42: 181–188
  4. James-Smith MA, Hellner B, Annuziato N, Mitragotri S. Effect of surfactant mixtures on skin structure and barrier properties. Ann Biomed Eng 2011:1215-23.

Public Knowledge Articles



View all articles
-->

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

Faculty of Pharmacy, Mahidol University.

447 Sri-Ayuthaya Road, Rajathevi, Bangkok 10400, THAILAND
Designed & Developed by Department of Information Technology, Faculty of Pharmacy, Mahidol University.
Copyright © 2013-2020
 

We use Cookies

This site uses cookies to personalise your experience and analyse site traffic. By Clicking ACCEPT or continuing to browse the site you are agreeing to our use of cookies.