Bromocriptine ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในเด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ ปี 2566 -- อ่านแล้ว 1,199 ครั้ง
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus: T1DM) เกิดจากเบต้าเซลล์ที่ตับอ่อนถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือเกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ มักพบตั้งแต่วัยเด็ก[1] โดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักมีความผิดปกติของหลอดเลือดแดงเอออร์ติก เกิดเป็นภาวะหลอดเลือดแดงเอออร์ติกแข็งตัว (aortic stiffness) ทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง ความดันบริเวณหลอดเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular diseases)[2]
Bromocriptine เป็นยากลุ่ม dopamine D2 receptor agonist ซึ่งใช้รักษาโรคพาร์กินสัน และยังมีข้อบ่งใช้อื่น ๆ เช่น ภาวะฮอร์โมนโปรแลคตินในเลือดสูง (hyperprolactinemia) เนื้องอกชนิดทั่วไปที่ต่อมใต้สมองที่สร้างฮอร์โมนโปรแลคติน (prolactinoma) ภาวะที่ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนมากผิดปกติ หรืออะโครเมกาลี (acromegaly) เป็นต้น[3] โดยมีงานวิจัยก่อนหน้าที่พบว่า bromocriptine รูปแบบ quick-release (bromocriptine quick release: BCQR) ช่วยเพิ่มความไวของเซลล์ร่างกายต่ออินซูลินได้ (insulin sensitivity) ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ เกิดเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายต่อไป BCQR จึงมีประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน[4] ซึ่งงานวิจัยนี้ยังพบว่า BCQR ช่วยลดการทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติก และระบบเรนิน-แองจิโอเทนซิน อัลโดสเทอร์โลน (renin angiotension aldoseterone system activity: RAAS) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ หลอดเลือด เกลือแร่ และน้ำให้เกิดความสมดุล ดังนั้นเมื่อ BCQR ลดการทำงานของทั้งสองระบบ จึงส่งผลลดความดันโลหิตของหลอดเลือด เเละลดการเเข็งตัวของหลอดเลือดได้[5] ข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาแบบ randomized cross-over study, double-blind, placebo-controlled trial เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำนวน 34 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 15.9±2.6 ปี (12-21 ปี) ที่ให้ยา BCQR 0.8 mg ในตอนเช้า 1 เม็ด ในสัปดาห์แรก สัปดาห์ที่ 2 ให้ 2 เม็ด และสัปดาห์ที่ 3-4 ให้ 4 เม็ด พบว่าเมื่อวัดที่ 4 สัปดาห์ หลังการให้ยาครบถ้วน กลุ่มที่ได้รับ BCQR สามารถลดความดันเลือดสูงสุดขณะหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัว (systolic blood pressure: SBP) ได้ 5 mmHg (P 0.001) ลดความดันเลือดต่ำสุดขณะหัวใจห้องล่างซ้ายคลายตัว (diastolic blood pressure: DBP) ได้ 2 mmHg (P=0.039) รวมทั้งลดความเเข็งตัวของหลอดเลือดเอออร์ติก (aortic artery) ได้[5]
ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดนี่เองทำให้เชื่อว่า BCQR ให้ประโยชน์ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแก่ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มักพบความผิดปกติของหลอดเลือดได้บ่อยอยู่เเล้ว เเต่ทั้งนี้การศึกษานี้ยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัย เมื่อใช้ยาระยะยาว จึงต้องรอข้อมูลสนับสนุนจากการศึกษาที่ใหญ่ขึ้น เเละมีระยะเวลาการศึกษาที่ยาวนานกว่านี้ก่อนนำไปใช้ปฏิบัติจริง
เอกสารอ้างอิง
1. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560. 2560:1-220.
2. Llauradó G, Mallafré VC, Vilardell C, Simó R, Freixenet N, Vendrell J. et al. Arterial Stiffness Is Increased in Patients with Type 1 Diabetes Without Cardiovascular Disease: A potential role of low-grade inflammation: A potential role of low-grade inflammation. Diabetes Care. 2012; 35:1083-9.
3. Bromocriptine. In: In Depth Answers [database on the Internet]. Greenwood Village (CO): INM Corporation;2022 [cite 2022 Dec 16] Available from: www.micromedexsolutions.com. Subscription required to view.
4. นงลักษณ์ สุขวาณิชย์ศิลป์. FDA อนุมัติยา bromocriptine mesylate ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน. [อินเตอร์เน็ต]. 2552. [เข้าถึงเมื่อ 13 ธันวาคม 2565]. เข้าถึงจาก: https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/news_week_full.php?id=551
5. Schäfer M, Browne LP, Truong U, Bjornstad P, Tell S, Snell-Bergeon J, et al. Bromocriptine Improves Central Aortic Stiffness in Adolescents with Type 1 Diabetes: Arterial Health Results From the BCQR-T1D Study. Hypertension. 2023; 80:1-10.
คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
bromocriptine
cardiovascular disease
diabetic mellitus type 1