เป็นที่ทราบกันดีว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 นั้นถูกพัฒนาขึ้นจากหลายเทคโนโลยีและหนึ่งในนั้น คือ วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA vaccines) ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 90% โดยช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อ ลดอัตราการเสียชีวิต และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตา1-3 ดังแสดงในตารางที่ 1 ปัจจุบันวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ใช้ในประเทศไทย ได้แก่ วัคซีนโคเมอร์เนตี (ComirnatyTM) ของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer)4 และวัคซีนสไปค์แว็ก (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna)5 โดยมีข้อบ่งใช้ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งหลังจากมีการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้แก่ประชาชนจำนวนมากในหลายประเทศทั่วโลก ได้มีการพบรายงานการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นอาการไม่พึงประสงค์ซึ่งพบได้น้อยมาก6 บทความนี้จึงขอกล่าวถึงการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเฝ้าระวังตนเองในผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้
ตารางที่ 1: ประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ1-3
บริษัทผู้ผลิต |
ประสิทธิภาพของวัคซีนต่อสายพันธุ์ดั้งเดิม |
ประสิทธิภาพของวัคซีน ต่อสายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2) |
|
ป้องกันการติดเชื้อ |
ป้องกันการติดเชื้อ |
ป้องกันการป่วยรุนแรง และเสียชีวิต |
|
Pfizer-BioNTech |
95% * |
51.9% ** |
93.4% |
Moderna |
94.1% ** |
73.1% ** |
96.1% |
วัดผลป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการที่ระยะเวลา ≥7 วัน* หรือ 14 วัน** หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สอง
ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 พบรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention; CDC) เกี่ยวกับการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่สัมพันธ์กับการได้รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ6 โดยอาการแสดงที่พบ ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงหรือเต้นเร็ว หรืออาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียร่วมด้วย7,8 ซึ่งมักเริ่มเกิดอาการในช่วง 2-3 วันหลังการรับวัคซีน และบางรายอาจพบอาการได้ภายใน 10 วันหลังการรับวัคซีน7,9
ทั้งนี้จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ระบบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (Vaccine Adverse Event Reporting System; VAERS) ของสหรัฐอเมริกาพบว่า มีรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ จำนวน 2,374 ครั้ง จากการให้วัคซีน 402,469,096 ครั้ง ซึ่งอาจเปรียบได้ว่า หากให้วัคซีนจำนวน 1 ล้านครั้ง มีโอกาสที่จะพบอาการไม่พึงประสงค์นี้ประมาณ 6 ครั้ง8
ข้อมูลจาก VAERS พบว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการรับวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างไรก็ตาม พบการเกิดอาการหลังจากการรับวัคซีนเข็มแรกได้เช่นเดียวกัน8,9 ดังแสดงในตารางที่ 2
ตารางที่ 2: รายงานการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ8
บริษัทผู้ผลิต |
จำนวนเหตุการณ์ (ครั้ง) |
||
วัคซีนเข็มที่ 1 |
วัคซีนเข็มที่ 2 |
ไม่สามารถระบุว่าเกิดจากวัคซีนเข็มใด |
|
Pfizer-BioNTech |
250 |
1,160 |
241 |
Moderna |
198 |
419 |
106 |
รวม |
448 |
1,579 |
347 |
ข้อมูลจากระบบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (Vaccine Adverse Event Reporting System; VAERS) ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564 (ข้อมูลดังกล่าวมาจากการให้วัคซีนจำนวน 402,469,096 ครั้ง)
การเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และมักพบในผู้ที่มีอายุน้อย โดยกลุ่มที่พบรายงานการเกิดมากที่สุด คือ เพศชายที่มีอายุระหว่าง 16-17 ปี และรองลงมา คือ เพศชายที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี7,9 โดยเฉพาะจากการรับวัคซีนเข็มที่ 2 ดังแสดงในตารางที่ 3
ตารางที่ 3: รายงานการเกิดภาวะกล้ามกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ ในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป8
อายุ |
จำนวนเหตุการณ์ (ครั้ง ต่อการให้วัคซีน 1 ล้านครั้ง) |
|||||||
วัคซีน Pfizer-BioNTech |
วัคซีน Moderna |
|||||||
เพศหญิง |
เพศชาย |
เพศหญิง |
เพศชาย |
|||||
เข็มที่ 1 |
เข็มที่ 2 |
เข็มที่ 1 |
เข็มที่ 2 |
เข็มที่ 1 |
เข็มที่ 2 |
เข็มที่ 1 |
เข็มที่ 2 |
|
12-15 ปี |
0.4 |
3.9 |
4.2 |
39.9 |
0.0 |
0.0 |
0.0 |
- |
16-17 ปี |
0.0 |
7.9 |
5.7 |
69.1 |
0.0 |
0.0 |
0.0 |
- |
18-24 ปี |
0.2 |
2.5 |
2.3 |
36.8 |
0.6 |
5.3 |
6.1 |
38.5 |
25-29 ปี |
0.2 |
1.2 |
1.3 |
10.8 |
0.4 |
5.7 |
3.4 |
17.2 |
30-39 ปี |
0.6 |
0.7 |
0.5 |
5.2 |
0.5 |
0.4 |
2.3 |
6.7 |
40-49 ปี |
0.1 |
1.1 |
0.3 |
2.0 |
0.2 |
1.4 |
0.2 |
2.9 |
50-64 ปี |
0.3 |
0.5 |
0.2 |
0.3 |
0.5 |
0.4 |
0.5 |
0.6 |
65 ปีขึ้นไป |
0.1 |
0.3 |
0.2 |
0.1 |
0.0 |
0.3 |
0.1 |
0.3 |
ข้อมูลจากระบบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (Vaccine Adverse Event Reporting System; VAERS) ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการไม่รุนแรง บางรายสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องให้การรักษา บางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยโดยไม่เกิดความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางส่วนอาจเกิดอาการรุนแรงได้ เช่น มีการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายที่ลดลง ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้จึงควรเฝ้าระวังอาการเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์หลังการรับวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย หากพบอาการเจ็บหน้าอก หายใจถี่หรือหายใจไม่สะดวก หัวใจเต้นเร็วหรือหัวใจเต้นแรง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที10 จากข้อมูลรายงานพบว่าผู้ป่วยมีระยะเวลาเฉลี่ยของการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 4-5 วัน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ประมาณ 89%) ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี และมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ7,10
หลังจากได้ทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว ผู้อ่านควรตระหนักถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังและติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังจากการรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ แต่ไม่ควรกังวลเกินกว่าเหตุ เนื่องจากการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากวัคซีนชนิดนี้พบได้น้อยมากและผู้ป่วยยังตอบสนองต่อการรักษาได้ดี นอกจากนี้วัคซีนมีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของโรค ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ จึงเป็นเหตุผลที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา ยังคงแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ ให้ครบทั้ง 2 เข็ม7,10