Antihistamines Linked to Extra Pounds
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน กันยายน ปี 2553 -- อ่านแล้ว 3,447 ครั้ง
มีการทำการศึกษาในผู้ใหญ่ 867 คนในมหาวิทยาลัย Yale พบว่า ผู้ที่ใช้ยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) มีโอกาสน้ำหนักเกินหรืออ้วนมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้ยา ในผู้ที่ใช้ยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) 268 คน พบว่า 45% น้ำหนักเกิน เปรียบเทียบกับ 30% น้ำหนักเกินในผู้ที่ไม่ใช้ยา 599 คน Dr. Joseph Ratliff กล่าวว่าอาจจะมีปัจจัยอื่นที่มีผล เนื่องจากมีการศึกษาที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างโรคหืดและโรคภูมิเเพ้ กับ ความอ้วน
Dr. Ratliff ยังกล่าวอีกว่า ตัวเขาและทีมงานสนใจในการหาความสัมพันธ์ระหว่าง ยายาต้านฮีสตามีน (antihistamine) กับ ความอ้วน เพราะว่า อาจจะเหมือนกับยากลุ่ม atypical antipsychotics ซึ่งได้แก่ olanzapine (Zyprexa®) and risperidone (Risperdal®) ที่มีอาการข้างเคียงทำให้น้ำหนักขึ้น เนื่องจากยาพวกนี้มีฤทธิ์ต้านฮีสตามีน (antihistamine) ด้วย การต้านฤทธิ์ฮีสตามีน เป็นสิ่งที่ดีในการบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้เกสร ดอกไม้ (Hay fever) แต่เซลล์ในสมองมี receptor ของ ฮีสตามีน (histamine) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบร่างกายในด้านการควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญพลังงาน ดังนั้น ในทางทฤษฎียาต้านฮีสตามีน (antihistamine)มีผลต่อทำให้เกิดการรับประทานปริมาณมากและการเผาผลาญไขมันต่ำได้
ในการศึกษานี้ พบว่า ผู้ที่ได้รับ antihistamine มี BMI เฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมี BMI เฉลี่ยประมาณ 31 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มอ้วน เปรียบเทียบกับ BMI เฉลี่ย 28 ในผู้ที่ไมใช้ยา antihistamine ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่มีน้ำหนักเกินปานกลาง พบว่า การใช้ยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) มีอัตราน้ำหนักเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ยา แต่ยากลุ่มนี้ไม่สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือด อินซูลิน (insulin) หรือระดับโคเลสเตอรอล (cholesterol)
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความแน่ชัด Dr. Ratliff และทีมงาน ประมาณว่า ชาวอเมริกา 50 ล้านคน มีโรคภูมิแพ้และมี 35-50% ที่ได้รับยาต้านฮีสตามีน (antihistamine)