Extended-duration thromboprophylaxis lowered risk for VTE in some high-risk medical patients.

ผู้ป่วยผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด venous thromboembolism (VTE) การรักษาที่เป็นมาตรฐานคือการได้รับยาเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าวเป็นเวลา 4 สัปดาห์ แต่ข้อมูลของการเพิ่มระยะเวลาในการป้องกัน VTE หลังจากที่ผู้ป่วยออกจากการดูแลรักษาในหอผู้ป่วยเฉียบพลันยังไม่แน่ชัด

ผู้ทำการวิจัยได้รวบรวมการศึกษาแบบ international double-blind ในผู้ป่วยจำนวน 5,000 ราย อายุมากกว่า 40 ปี ที่มี acute medical illness และ immobility (ระดับ 1: ผู้ป่วยต้องให้พักกับเตียงแต่ลุกหรือพยุงไปห้องน้ำได้; ระดับ 2 ผู้ป่วยพักกับเตียงและไม่สามารถลุกหรือพยุงไปห้องน้ำได้) เป็นเวลา 3-6 วัน โดยผู้ป่วยทุกคนจะได้รับ enoxaparin 10-14 วัน โดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รวมผู้ป่วยที่แพทย์พิจารณาให้ได้รับยากลับไปฉีดเองด้วย) จากการศึกษาได้ทำการประเมินภาวะ VTE หากมีอาการแสดงเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะถูกสุ่มให้ได้รับ enoxaparin เพิ่มอีก 28 วัน หรือไม่ได้รับการรักษาใดๆ เพิ่มเติม ผู้ป่วยทุกคนได้รับการ ultrasound หลังจากนั้น 28 วันเพื่อหาว่ามีการเกิด asymptomatic proximal deep vein thrombosis (DVT) หรือไม่ ผลลัพธ์หลักของการศึกษาคือการเกิด proximal DVT หรือ symptomatic pulmonary embolism ภายใน 1 เดือนหลังจากที่ผู้ป่วยเข้าทำการศึกษา ส่วนผลลัพธ์รองของการศึกษาคือการเกิด VTE ภายใน 3 เดือน และอัตราการเสียชีวิตที่เดือนที่ 1, 3 และ 6

จากผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับ enoxaparin เป็นระยะเวลานานขึ้นมีอุบัติการณ์ของการเกิด VTE ต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ (absolute difference, 1.5%) และกลุ่มที่ได้รับ enoxaparin จะมีอุบัติการณ์ของการเกิด major bleeding สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับอย่างมีนัยสำคัญ (absolute difference, 0.5%) ส่วนอัตราการเสียชีวิตเหมือนกันในผู้ป่วยทั้งสองกลุ่ม จากการวิเคราะห์ sensitivity analysis พบว่าผู้ป่วยที่มีภาวะ immobility ระดับ 1 ผู้ป่วยเพศหญิง และผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 75 ปีจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มระยะเวลาในการป้องกัน VTE

จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มระยะเวลาของการได้รับ enoxaparin จากเวลาที่ผู้ป่วยต้องได้รับยาปกติคือ ผู้ป่วยที่ต้องให้นอนพักกับเตียง เพศหญิง หรือมีอายุมาก แต่การเพิ่มระยะเวลาของการได้รับ enoxaparin นี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด major bleeding เช่นกัน จากผลการศึกษานี้อาจนำมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่บุคลากรทางการแพทย์จะนำมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยโดยคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะได้รับเป็นสำคัญ