US FDA ยังคงสนับสนุนการให้ยา Vytorin ในผู้ป่วย ภายหลังการทบทวนงานวิจัย ENHANCE
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือน มกราคม ปี 2552 -- อ่านแล้ว 8,956 ครั้ง
9 มกราคม : ภายหลังการทบทวนรายงานผลวิจัยเรื่อง Effect of Combination Ezetimibe and High-Dose Simvastatin vs Simvastatin Alone on the Atherosclerotic Process in Patients with Heterozygous Familial Hypercholesterolemia (ENHANCE) trial สิ้นสุดลง (โดยใช้ระยะเวลาในการทบทวนยาวนานถึง 1 ปี) และจากข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน US FDA ยังคงยืนยันว่า ระดับ LDL-cholesterol ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular disease) และการทำให้ระดับ LDL ลดลงต่ำกว่าเดิมนั้น ช่วยให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลดลง และให้ผลการรักษาที่ดีกว่า นอกจากนี้ ยังแนะนำว่า ผู้ป่วยไม่ควรหยุดใช้ยาลดไขมันคอเลสเตอรอล (ซึ่งรวมถึง Vytorin = ezetimibe/simvastatin โดยบริษัท Merck/Schering-Plough) กรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาลดไขมันหรือผลงานวิจัย ENHANCE ให้สอบถามข้อมูลจากแพทย์ผู้ให้การรักษา
ENHANCE เป็นการศึกษาถึงประสิทธิภาพของยาลดไขมัน Simvastatin เปรียบเทียบกับการให้ Simvastatin + Ezetimibe นำโดย Dr. John Kastelein (Netherlands) แต่หลังจากเสร็จสิ้นการทดลอง กลับใช้เวลาเกือบ 2 ปี กว่าจะนำเสนอผลงานวิจัยที่ได้ โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนมกราคม แล้วตามด้วยการนำเสนอผลงานในการประชุมของ American College of Cardiology [Scientific Sessions] ที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงมากโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าเป็น ‘การปรับขนาดในการรักษาด้วยยา statin ให้เหมาะสม’ แทนที่จะเป็น ‘การให้ยา ezetimibe เพิ่มขึ้นจากการให้ low-dose statin เพียงอย่างเดียว’
งานวิจัยดังกล่าว ทำการศึกษาในผู้ป่วยที่มีไขมันสูง (heterozygous familial hypercholesterolemia) จำนวน 725 ราย จากการติดตามผลในระยะเวลา 2 ปี พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับยา simvastatin 80 mg เพียงอย่างเดียว ให้ผลการรักษาไม่แตกต่างกันกับผู้ป่วยที่ได้รับยา ezetimibe/simvastatin 10/80 เมื่อเปรียบเทียบจากการเปลี่ยนแปลงของ carotid intima media thickness (IMT) อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจากการลดระดับ LDL พบว่า ผู้ป่วยในกลุ่มแรก (simvastatin) มีระดับ LDL ลดลงเพียง 39% ขณะที่ผู้ป่วยในกลุ่มที่สอง (ezetimibe/simvastatin) มีระดับ LDL ลดลงมากถึง 56%
ทั้งนี้ US FDA ให้ความเห็นว่า อาจมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ ezetimibe/simvastatin ช่วยลดระดับ LDL ลงได้มาก แต่ลกับไม่ช่วยให้การหนาตัวของหลอดเลือด (IMT) ลดลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านและทีมผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ป่วยที่ถูกคัดเลือกเข้ามาในการศึกษาครั้งนี้ น่าจะเคยได้รับการรักษาด้วยยาลดไขมันมาก่อน ทำให้ค่าของ IMT ณ จุดเริ่มต้น มีค่าใกล้เคียงกับค่าปกติในคนทั่วไป ทำให้เกิดข้อจำกัดต่อการแสดงประสิทธิภาพของยา ezetimibe/simvastatin หรือการทำให้ค่า IMT ลดลงจากเดิมได้ หรือเป็นไปได้ว่าระยะเวลาเพียง 2 ปี อาจจะสั้นเกินไปที่จะติดตามผลการรักษาโดยการประเมินค่า IMT นอกจากนี้ ezetimibe ยังอาจมีคุณสมบัติบางประการซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัด ที่ทำให้ผลต่อ carotid IMT ไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้
สืบเนื่องจากข้อคิดเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่ในช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ยา ezetimibe ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยผลงานวิจัย IMPROVE-IT ซึ่งเป็นการศึกษาทางคลินิกขนาดใหญ่ นำโดย Dr. Eugene Braunwald (TIMI Study Group) ร่วมกับ Dr. Robert Califf (Duke Clinical Research Institute, NC) เพื่อศึกษาผลของการใช้ยา simvastatin 40 mg เพียงอย่างเดียว เปรียบเทียบกับการใช้ ezetimibe/simvastatin 10/40 ในผู้ป่วยจำนวน 18,000 ราย ที่มีประวัติของ recent acute coronary syndrome ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2555
US FDA ได้ย้ำอีกครั้งว่า ระหว่างที่รอผลงานวิจัยดังกล่าว ผู้ป่วยยังไม่ควรหยุดใช้ยา ezetimibe/simvastatin หรือยาลดไขมัยอื่นๆ และหากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์