ตกขาวและคันในช่องคลอดเป็นหนึ่งในอาการที่มักทำให้ผู้ป่วยต้องใช้ยาเหน็บช่องคลอด อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังพบปัญหาการใช้ยาชนิดนี้อยู่บ้าง เช่น ผู้ป่วยไม่ยอมใช้ยาเพราะรู้สึกเจ็บช่องคลอดจากการที่เคยใช้ยาผิดวิธี หรือบางคนอาจสะดวกรับประทานยามากกว่า ในบทความนี้จึงขอกล่าวถึงการใช้ยาเหน็บช่องคลอดอย่างถูกวิธีสำหรับการรักษาอาการตกขาว
ตกขาวคืออะไร1,2
ตกขาวเป็นลักษณะปกติที่เกิดขึ้นได้ในผู้หญิงจากการที่ผนังด้านในช่องคลอดสร้างสารเมือกที่มีลักษณะคล้ายแป้งเปียกเพื่อช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม และปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอด แต่สารเมือกนี้ปกติแล้วมักไม่มีกลิ่นและไม่ทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคือง โดยปริมาณสารเมือกที่ออกมาเป็นลักษณะตกขาวจะแตกต่างกันในแต่ละคน ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone) ในแต่ละรอบเดือนอาจส่งผลต่อปริมาณหรือลักษณะของตกขาวได้ โดยในช่วงกลางรอบเดือนหรือช่วงระยะไข่ตก (ประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน) ตกขาวที่ออกมาอาจมีลักษณะเหลวใสและมีปริมาณมากขึ้นได้ นอกจากนี้การที่ตกขาวมีปริมาณมากขึ้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ออกกำลังกายหนัก หรือการใช้ยาคุมกำเนิด
ตกขาวผิดปกติเกิดจากอะไร และมีลักษณะอย่างไร3,4
ตกขาวที่ผิดปกติอาจพบได้ทั้งการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นและสี (เช่น มีสีเหลืองหรือเขียว) หรือมีลักษณะข้นคล้ายตะกอนนม มีฟอง มีปริมาณมากผิดปกติ และอาจมีอาการคันหรืออักเสบบวมแดงที่อวัยวะเพศร่วมด้วย ลักษณะเหล่านี้ขึ้นกับสาเหตุที่แตกต่างกัน เช่น จากการติดเชื้อรา (vulvovaginal candidiasis) แบคทีเรีย (bacterial vaginosis) หรือพยาธิ (trichomoniasis) เป็นต้น นอกจากนี้พฤติกรรมบางอย่างอาจส่งเสริมให้เกิดตกขาวผิดปกติได้ง่าย เช่น การสวนล้างช่องคลอด การสอดอุปกรณ์เข้าช่องคลอดจนเกิดการอักเสบ การใส่เสื้อผ้าอับชื้น
ในปัจจุบันยารักษาอาการตกขาวผิดปกติมีทั้งชนิดรับประทานและยาเหน็บช่องคลอด เช่น กรณีตกขาวจากเชื้อราสามารถรักษาได้ด้วยยารับประทาน fluconazole (ฟลู-โค-นา-โซล) หรือยาเหน็บช่องคลอด clotrimazole (โคล-ไตร-มา-โซล)
ยาเหน็บช่องคลอด ใช้อย่างไร
ยาเหน็บช่องคลอดเป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ โดยเหน็บหรือสอดเข้าไปภายในช่องคลอด ไม่ใช่ยารับประทาน ซึ่งการใช้ยาเหน็บช่องคลอดอาจทำได้ 2 วิธี คือ ใช้มือช่วยเหน็บยาหรือใช้อุปกรณ์ช่วยเหน็บยา (ซึ่งมีอยู่ในกล่องยา)
-
กรณีใช้มือช่วยเหน็บยา ควรปฏิบัติดังนี้5
-
ล้างมือให้สะอาด
-
แกะยาออกจากซอง จุ่มน้ำเล็กน้อยประมาณ 1-2 วินาที จะช่วยให้เม็ดยานิ่มลื่นขึ้นเพื่อให้สอดเข้าช่องคลอดได้ง่าย
-
ท่าที่ใช้เหน็บ คือ นอนหงาย ชันเข่าทั้ง 2 ข้างขึ้นมา แยกขาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วมือดันยาเข้าช่องคลอดให้ลึกที่สุด โดยหันด้านที่มีลักษณะมนกว่าเข้า เพื่อลดอาการเจ็บและทำให้สอดได้ง่ายขึ้น
-
หลังจากสอดยาเข้าไปแล้ว นอนค้างสักครู่ (สามารถลดขาลงได้) ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยาไม่ไหลออกมาจากช่องคลอด (หรืออาจเหน็บก่อนนอน เพื่อเลี่ยงการลุกขึ้นเดินหลังจากใช้ยา)
ภาพจาก : https://www.wikihow.com/Insert-Progesterone-Suppositories-Without-an-Applicator
2. กรณีใช้อุปกรณ์ช่วยเหน็บยา ควรปฏิบัติดังนี้6
-
ล้างมือให้สะอาด
-
แกะยาออกจากซอง แล้วใส่ยาเข้าไปที่อุปกรณ์ช่วยสอด โดยหันด้านที่มีลักษณะมนกว่าให้โผล่ออกมาจากปลายเครื่องมือ เพื่อทำให้สอดได้ง่ายขึ้นและลดอาการเจ็บ
-
ท่าที่ใช้เหน็บ คือ นอนหงาย ชันเข่าทั้ง 2 ข้างขึ้นมา แยกขาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ดันอุปกรณ์ที่มียาเข้าช่องคลอดให้ลึกพอประมาณ ก่อนที่จะใช้นิ้วชี้กดปลายก้านสูบเพื่อปล่อยดันยาเข้าช่องคลอด แล้วค่อยนำอุปกรณ์ออกมา
-
นอนค้างสักครู่ (สามารถลดขาลงได้) ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยาไม่ไหลออกมาจากช่องคลอด (หรืออาจเหน็บก่อนนอน เพื่อเลี่ยงการลุกขึ้นเดินหลังจากใช้ยา)
ภาพจาก : http://www.safemedication.com/safemed/MedicationTipsTools/HowtoAdminister/How-to-Use-Vaginal-Tablets-Suppositories-and-Creams
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้ยาเหน็บช่องคลอด5,6
-
ยาอาจละลายออกมาเลอะกางเกงชั้นในได้ ดังนั้นอาจใช้กระดาษชำระรองบริเวณกางเกงชั้นในขณะใช้ยา
-
เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้องหรือตามฉลากระบุ ระมัดระวังการเก็บไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงเนื่องจากอาจทำให้ยาละลายได้
-
ในวันที่มีประจำเดือนสามารถเหน็บยาได้ตามปกติ
-
กรณีต้องเหน็บยาหลายวัน หากลืมเหน็บยา ให้เหน็บวันถัดไปตามปกติโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
ข้อดีของการใช้ยาเหน็บช่องคลอด
-
ใช้ในกรณีผู้ป่วยรับประทานยาไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน
-
ยารับประทานบางตัวมีรสชาติไม่ดี สามารถเปลี่ยนมาใช้ยาเหน็บช่องคลอดแทนได้
-
ยาเหน็บช่องคลอดสามารถลดอาการเฉพาะที่ได้เร็วกว่ายารับประทาน โดยประสิทธิภาพในการรักษาไม่แตกต่างกัน7
ข้อเสียหรือผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาเหน็บช่องคลอด8
-
การสอดยามีหลายขั้นตอน อาจทำให้ผู้ป่วยบางคนไม่สะดวกในการใช้ยา
-
ยาอาจละลายหรือรั่วไหลออกมาจากบริเวณช่องคลอดจนเปื้อนกางเกงชั้นใน
-
บางคนอาจมีอาการระคายเคือง แสบ หรือคันบริเวณช่องคลอด
การใช้ยาเหน็บช่องคลอดสำหรับรักษาอาการตกขาวผิดปกตินั้นแม้จะมีลำดับขั้นตอน แต่ปฏิบัติได้ไม่ยากและไม่เป็นอันตรายอย่างที่คิด ซึ่งผู้ป่วยสามารถเรียนรู้ได้เองจากการอ่านวิธีใช้ในฉลากยาหรือปรึกษาเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน ทั้งนี้หากใช้ยาเหน็บช่องคลอดอย่างถูกวิธี ประกอบกับปรับลดพฤติกรรมที่อาจส่งเสริมให้เกิดอาการดังกล่าว จะช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ด้วย
เอกสารอ้างอิง
-
Beckmann C. Obstetrics and gynecology. Philadelphia: Wolters Kluwer Lippincott Williams & Wilkins; 2014.
-
Johnson TC. Vaginal discharge: what’s abnormal? [Internet]. WebMD. 2020 [cited 20 January 2021]. Available from: https://www.webmd.com/women/guide/vaginal-discharge-whats-abnormal
-
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2558. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2558.
-
Workowski K, Bolan G. Sexually transmitted diseases treatment guidelines, 2015. Atlanta: CDC; 2015.
-
Vaginal suppositories: how to open & insert [Internet]. 2020 [cited 10 February 2021]. Available from: https://ctocrx.com/how-to-use-vaginal-suppositories/
-
How to Use Vaginal Tablets, Suppositories, and Creams [Internet]. ashp. 2013 [cited 20 January 2021]. Available from: http://www.safemedication.com/safemed/MedicationTipsTools/HowtoAdminister/How-to-Use-Vaginal-Tablets-Suppositories-and-Creams
-
Zhou X, Li T, Fan S, Zhu Y, Liu X, Guo X et al. The efficacy and safety of clotrimazole vaginal tablet vs. oral fluconazole in treating severe vulvovaginal candidiasis. Mycoses. 2016;59(7):419-28.
-
Noriega C. How to insert vaginal suppositories [Internet]. 2020 [cited 10 February 2021]. Available from: https://www.wikihow.com/Insert-Vaginal-Suppositories