การมองเห็นทำให้มนุษย์และสัตว์สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา โดยการกระตุ้นจอประสาทตาหรือจอตา (retina) ซึ่งอยู่ชั้นในสุดของลูกตาและมีเซลล์หลายชนิดเรียงตัวกันเป็นชั้นๆ มีตัวรับแสงที่สำคัญได้แก่ เซลล์รูปแท่ง และเซลล์รูปกรวย ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นกระแสประสาทแล้วส่งไปตามเส้นประสาทตาเข้าสู่สมองเพื่อแปลภาพ ถ้าจอตาลอกจะมีผลต่อการมองเห็น อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ ดังนั้นการสังเกตุพบความผิดปกติเริ่มแรกและได้รับการรักษาโดยเร็วจึงสามารถช่วยลดโอกาสการสูญเสียได้
ภาพจาก :
https://c8.alamy.com/comp/ARCPJA/retinal-detachment-refers-to-separation-of-the-inner-layers-of-the-ARCPJA.jpg จอประสาทตาลอก หมายถึงภาวะที่เกิดการลอกหรือแยกตัวของจอตาจากตำแหน่งเดิม มักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แบ่งตามสาเหตุและลักษณะทางพยาธิสรีรวิทยาได้ 3 ชนิดคือ
- จอตาลอกที่มีรูหรือรอยฉีกขาดที่จอตา เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด อาจเกิดจากอุบัติเหตุดวงตาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หรือเกิดจากจอตาเสื่อม จึงเกิดรูฉีกขาดของจอตา
- จอตาลอกที่เกิดจากการดึงรั้งโดยพังผืดหรือวุ้นตา พบในผู้เป็นเบาหวานขึ้นตาหรือในผู้ป่วยที่เคยได้รับอุบัติเหตุรุนแรงทำให้ตาทะลุหรือลูกตาแตก มีการอักเสบของวุ้นลูกตาหรือจอตาแล้วเกิดพังผืด
- จอตาลอกที่เกิดจากสารน้ำรั่วซึมหรือมีของเหลวสะสมอยู่ใต้ชั้นของจอตา พบในผู้ป่วยโรคคอรอยด์อักเสบ ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ และผู้ป่วยโรคไตวาย เป็นต้น
อาการของผู้ป่วยที่มีจอตาลอก อาการเริ่มต้น คือ มองเห็นจุดดำลอยไปมา บางรายตามัวและมองเห็นคล้ายหยากไย่ เมื่ออยู่ในที่มืดมองเห็นแสงวาบๆ คล้ายฟ้าแลบ หรืออาจพบว่าลานสายตาผิดปกติ ทำให้การมองเห็นมีภาพบางส่วนหายไป เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้นควรรีบไปพบจักษุแพทย์ด่วนเพื่อ รับการตรวจจอตาโดยละเอียด และรักษาได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้การมองเห็นได้เป็นปกติมากที่สุด
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดจอตาลอก ได้แก่ - อายุ ในผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดจอตาลอกเนื่องจากวุ้นลูกตาเสื่อมตามวัย จึงมีการหดตัวและลอกหลุดออกจากจอตา
- ความผิดปกติทางสายตา ในรายที่มีสายตาสั้นมากๆ วุ้นลูกตาจะเกิดความเสื่อมเร็วกว่าปกติ
- พันธุกรรม บุคคลในครอบครัวมีประวัติจอตาลอก
- โรคเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้หรืดเป็นโรคเบาหวานมานานจนเกิดภาวะแทรกซ้อนเบาหวานขึ้นตา
- มีการอักเสบหรือติดเชื้อภายในลูกตา
- เคยมีประวัติการเกิดจอตาลอกมาก่อนแล้ว
ดังนั้นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาเป็นประจำสม่ำเสมอ และถ้าพบความผิดปกติให้รีบไปปรึกษาจักษุแพทย์ทันที ให้ได้รับการรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
เอกสารอ้างอิง - สุจิตรา ทองประดิษฐ์โชติ กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา ในระบบรับความรู้สึก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2555 หน้า 43-68.
- โสมนัส ถุงสุวรรณ รูฉีกขาดที่จอตาและจอตาลอก (Retinal Tear and Detachment) ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. เข้าถึงได้จาก : www.si.mahidol.ac.th. [28 มิ.ย. 2561].
- Schubert HD. Basic and Clinical Science Course, Section 12: Retina and Vitreous. Section 12. American academy of ophthalmology. 2015-2016.
- Steel D. Retinal detachment. Clinical Evidence 2014,03:710:1-32