Knowledge Article


หญ้าฝรั่น ... เครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลก!!!


เภสัชกรหญิงกฤติยา ไชยนอก
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
105,418 View,
Since 2015-07-16
Last active: 1m ago
https://tinyurl.com/28uoequw
Scan to read on mobile device
 
A - | A +


ในบ่ายของวันที่อากาศแจ่มใส สามเพื่อนเกลอกำลังนั่งทายปัญหาที่แสนจะประเทืองปัญญากันอยู่...

อัครเดช: นี่ๆ พวกเธอคิดว่าอะไรแพงที่สุดในโลก

พรประภา: อืมมม...ก็น่าจะเป็นเพชรละมั้ง?

สมเกียรติ: ปฏิสสาร…

อัครเดชและพรประภา: …?...

อัครเดช: แหะๆๆ สงสัยจะไกลตัวเกินไป...เอ่อ งั้นถ้าเป็นของที่กินได้ล่ะ อะไรแพงที่สุดในโลก?

พรประภา: ก็ต้องนี้เลย...ไข่ปลาคาเวียร์ เห็ดทรัฟเฟิล ไม่ก็เนื้อมัตสึซากะ…

สมเกียรติ: หญ้าฝรั่น...

อัครเดชและพรประภาหันควับไปมองหน้าสมเกียรติทันที สมเกียรติหัวเราะฮึ พลางส่งสายตาที่ตีความหมายได้ว่า “อ่อนหัด มีความตั้งใจ แต่ก็ยังอ่อนหัด” แล้วเดินจากไปท่ามกลางความมึนงงของสหายที่เหลือทั้งสอง พลันเกิดภาวะสุญญากาศไปชั่วขณะหนึ่ง...ทำไมสมเกียรติจึงกล่าวเช่นนั้นกันนะ?? เรื่องปฏิสสารน่ะช่างมันก่อน (เพราะถ้าจะให้อธิบายละก็ยาวแน่ๆ) แต่เจ้าหญ้าฝรั่นนี่มันคืออะไร…และไหนๆ ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้ว งั้นตามเรามาดูข้อมูลของหญ้าฝรั่นกันเลยดีกว่า...

“หญ้าฝรั่น” ชื่อนี้คนทั่วไปอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ในวงการอาหารหรือสมุนไพรละก็เป็นต้องร้องอ๋อกันทุกคน เพราะเจ้าหญ้าที่ไม่ใช่หญ้าชนิดนี้ มักจะถูกใช้เป็นส่วนประกอบในตำรายา หรือไม่ก็ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารหรูๆ แพงๆ ทั้งนั้น และด้วยสนนราคา ซื้อ – ขาย ที่อยู่ระหว่าง 37,400 - 374,000 บาท/กก. (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบ) จึงทำให้มันได้รับสมญานามว่า หญ้าฝรั่น...เครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลก!!!

หญ้าฝรั่น (Crocus, Saffron) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crocus sativus L. เป็นพืชในวงศ์ IRIDACEAE ส่วนที่นำมาใช้คือเกสรตัวเมียหรือที่เรียกว่าหญ้าฝรั่น ซึ่งมีรสเผ็ด ขมอมหวาน และมีกลิ่นหอมคล้ายฟาง นิยมนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม และใช้เป็นสีย้อมผ้า นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในตำรับยาหลายชนิดด้วย สรรพคุณตามตำรายาไทยระบุว่าเกสรตัวเมียใช้ขับเหงื่อในคนออกหัด ขับระดู และใช้แต่งสีแต่งกลิ่นในอาหาร ปัจจุบันประเทศที่มีการผลิตและส่งออกหญ้าฝรั่นมากที่สุดคือ อิหร่าน ดอกหญ้าฝรั่นใช้พื้นที่ในการปลูกมาก และต้องเก็บผลผลิตด้วยมือเท่านั้นเพราะดอกและเกสรของหญ้าฝรั่นมีลักษณะที่เปราะบาง การเก็บจะต้องทำให้เสร็จภายในวันเดียวและหลังจากเก็บต้องรีบนำเกสรที่แยกได้มาคั่วให้แห้งทันที ซึ่งหญ้าฝรั่นมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี แต่จะเสื่อมสภาพได้ง่ายหากเจอกับแสงและออกซิเจน ดังนั้นจึงไม่นิยมบดหญ้าฝรั่นเป็นผง และต้องเก็บรักษาในภาชนะที่กันแสงและกันอากาศเพื่อคงคุณภาพของหญ้าฝรั่นก่อนนำไปใช้



ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา

จากการศึกษาพบว่าสารสกัดและสารสำคัญที่แยกได้จากหญ้าฝรั่นมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิด มีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและกระตุ้นการย่อย มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มระดับของไขมันในเลือดและลดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวจากการได้รับอาหารที่มีไขมันสูง มีฤทธิ์ปกป้องตับจากการได้รับสารพิษ มีฤทธิ์บรรเทาปวดและต้านการอักเสบ มีฤทธิ์บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งและเนื้องอก มีฤทธิ์กระตุ้นกำหนัด มีฤทธิ์ต้านภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และช่วยให้หลับ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นเพียงการศึกษาในระดับเซลล์ หลอดทดลอง และสัตว์ทดลอง แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีในการนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในอนาคต การศึกษาความเป็นพิษพบว่าหญ้าฝรั่นมีความเป็นพิษต่ำ และแม้จะมีการรายงานความเป็นพิษของหญ้าฝรั่นน้อย แต่มีบางรายงานระบุว่าการใช้หญ้าฝรั่นขนาด >10 ก. อาจเหนี่ยวนำให้เกิดการแท้งได้ และการศึกษาในหนูเม้าส์เพศเมียที่กำลังตั้งครรภ์ในระยะสามเดือนสุดท้ายพบว่า หญ้าฝรั่นมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของมดลูกและส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้หญ้าฝรั่นในขนาดสูงและหลีกเลี่ยงการใช้ในสตรีมีครรภ์ ส่วนการใช้ในรูปแบบของอาหารยังไม่มีการรายงานความเป็นพิษ

คำถามที่ว่า ทำไมเจ้าหญ้าฝรั่นนี่ถึงแพงนัก นั่นก็เพราะกว่าจะได้เกสรตัวเมียหรือหญ้าฝรั่นประมาณหนึ่งปอนด์ (ประมาณ 0.45 กก.) จะต้องใช้ดอกหญ้าฝรั่นถึง 75,000 ดอก หรือเกสรตัวเมียจำนวน 225,000 อัน ซึ่งเท่ากับการนำดอกหญ้าฝรั่นมาเรียงต่อกันจนเต็มสนามฟุตบอลนั่นเอง!!! และแล้วก็ได้ข้อสรุปเสียทีว่าสิ่งที่สมเกียรติได้กล่าวเอาไว้ว่าหญ้าฝรั่นเป็นอาหารที่แพงที่สุดในโลกนั้นก็ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงเลย รู้แบบนี้แล้วลองมาหาวิธีปลูกหญ้าฝรั่นกันหน่อยดีไหมล่ะ...

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหญ้าฝรั่นเพิ่มเติมได้ใน จุลสารข้อมูลสมุนไพรปีที่ 32 ฉบับที่ 2

Public Knowledge Articles



View all articles
-->

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

Faculty of Pharmacy, Mahidol University.

447 Sri-Ayuthaya Road, Rajathevi, Bangkok 10400, THAILAND
Designed & Developed by Department of Information Technology, Faculty of Pharmacy, Mahidol University.
Copyright © 2013-2020
 

We use Cookies

This site uses cookies to personalise your experience and analyse site traffic. By Clicking ACCEPT or continuing to browse the site you are agreeing to our use of cookies.