Knowledge Article


ไวรัสอีโบลา


อาจารย์ ดร.กฤษณ์ ถิรพันธุ์เมธี
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
30,283 View,
Since 2014-08-04
Last active: 2h ago
https://tinyurl.com/24ubl7l6
Scan to read on mobile device
 
A - | A +
ขณะนี้มีรายงานข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola Virus) อย่างรุนแรงในภูมิภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา ได้แก่ประเทศ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน รวมถึงไนจีเรีย หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อไวรัสอีโบลามาก่อน แต่ยังไม่รู้จักเชื้อไวรัสอีโบลานี้ดีนัก บทความนี้จะขอกล่าวถึงความรู้พื้นฐานของเชื้อชนิดนี้ ได้แก่ ลักษณะทั่วไป การก่อโรค อาการแสดง การติดต่อ และสุดท้ายจะกล่าวถึงสถาณการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในปัจจุบัน

เชื้อไวรัสอีโบลาจัดอยู่ในตระกูล Filoviridae เชื้อไวรัสในตระกูลนี้มีรูปร่างหลายแบบ อาจมองเห็นเป็นแท่งยาว (รูปที่1) เป็นกิ่งก้านสาขา หรือบางครั้งเป็นแท่งสั้นๆ มีรูปร่างคล้ายเลข 6 หรือตัวอักษณ U หรือเป็นวงกลม สารพันธุกรรมเป็น RNA ชั้นนอกสุดมีชั้นไขมันห่อหุ้มอยู่ เชื้อไวรัสในตระกูลนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 สายพันธุ์ คือ Marburg virus และ Ebola virus มีรายงานการระบาดของเชื้อตระกูล Filo virus (Marburg virus) ครั้งแรกเมื่อปี 1967 โดยเจ้าหน้าทีห้องปฏิบัติการในประเทศเยอรมันนีและยูโกสลาเวียที่ทำงานเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของลิงที่นำมาจากทวีปแอฟริกามีอาการแสดงของไข้เลือดออก มีผู้ติดเชื้อ 31 รายและเสียชีวิต 7 ราย



ไวรัสอีโบลาถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1976 เมื่อมีการพบผู้ป่วยไข้เลือดออกที่ประเทศ Zaire (ปัจจุบันคือประเทศ Democratic Republic of Congo) และซูดานใต้ และได้ตั้งชื่อสายพันธุ์ก่อโรคตามประเทศที่พบคือสายพันธุ์ Zairian และ Sudanese ซึ่งมีอัตราการตายสูงทั้ง 2 สายพันธุ์ หลังจากนั้นเชื้อไวรัสอีโบลาได้เกิดการระบาดเป็นระยะในทวีปแอฟริกา เช่น ในปีค.ศ. 1995 ที่ประเทศ Democratic Republic of Congo ปีค.ศ. 2000 และ 2008 ที่ประเทศยูกานดา ล่าสุดในปีค.ศ. 2012 ที่ประเทศ Democratic Republic of Congo

ผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะมีอาการแสดงคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ปวดหัว ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ อ่อนเพลีย ท้องเสีย อาเจียน ปวดบริเวณท้อง เบื่ออาหาร ในบางรายอาจพบผื่น ตาแดง ไอ ปวดหน้าอก หายใจลำบาก กลืนลำบาก มีเลือดออกและเสียชีวิตในที่สุด อาการจะปรากฏในช่วง 2 – 21 วันหลังจากได้รับเชื้อโดยปกติจะพบอาการในช่วง 8 – 10 วัน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันหรือยาที่ใช้รักษาโรคนี้

การรักษาทำได้โดยรักษาตามอาการ ได้แก่ การรักษาสมดุลย์ของของเหลวและอิเล็กโตรลัยต์ในร่างกาย รักษาระดับออกซิเจนและความดันเลือด รวมถึงรักษาการติดเชื้อเทรกซ้อนต่างๆ

เชื้อนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ในช่วงที่เกิดเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในสถาณพยาบาล การติดเชื้อสามารถเกิดได้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม เช่นไม่ใส่หน้ากากหรือถุงมือ เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อนี้ การป้องกันที่ทำได้คือแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อ

สำหรับไวรัสอีโบลาที่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ.2014 เมื่อองค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) และกระทรวงสาธารณสุขของประเทศ Guinea พบการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ที่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยสาเหตุคาดว่าเกิดจากการรับประทานค้างคาวที่มีเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่ จากนั้นเกิดการระบาดไปยัง ประเทศเพื่อนบ้านอีก 2 ประเทศ คือ Liberia และ Sierra Leone โดยที่ประเทศกินีมีรายงานผู้ติดเชื้อ 86 ราย เสียชีวิต 59 ราย (ร้อยละ 68.5) ณ วันที่ 24 มีนาคม 2014 ข้อมูลเบื้องต้นจาก Pasteur Institute in Lyon ประเทศฝรั่งเศส พบว่าเชื้อไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ Zaire เป็นสาเหตุของการระบาดครั้งนี้ ปัจจุบันเชื้อไวรัสอีโบลายังคงแพร่ระบาดอยู่ในสามประเทศ (รูปที่ 2) และมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จากรายงานของ Center for Disease Control (CDC) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 พบว่าที่ประเทศกินีมีผู้ที่คาดว่าติดเชื้อ 460 ราย เสียชีวิต 339 ราย ยืนยันการติดเชื้อ 336 ราย ประเทศไลบีเรียสงสัยว่าติดเชื้อ 329 ราย เสียชีวิต 156 ราย ยืนยันการติดเชื้อ 100 รายและเซียร์ราลีโอนสงสัยว่าติดเชื้อ 533 ราย เสียชีวิต 233 ราย ยืนยันการติดเชื้อ 473 ราย ล่าสุดได้มีรายงานผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสอีโบลาที่ประเทศไนจีเรีย 1 รายและเสียชีวิต แต่ยังไม่มีการยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าติดเชื้อไวรัสนี้จริง รวมทั้งสิ้นมีผู้ติดเชื้อ 1323 ราย เลียชีวิต 729 ราย

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Knipe DM, Howley PM. Fields Virology, 5th Edition. Philadelphia : Wolters Kluwer Health/Lippincott Williams & Wilkins, c2007.
  2. http://www.cdc.gov/vhf/ebola/outbreaks/guinea/index.html Access August1, 2014
  3. http://www.who.int/csr/don/2014_07_31_ebola/en/ Accessed August 1, 2014

Public Knowledge Articles



View all articles
-->

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

Faculty of Pharmacy, Mahidol University.

447 Sri-Ayuthaya Road, Rajathevi, Bangkok 10400, THAILAND
Designed & Developed by Department of Information Technology, Faculty of Pharmacy, Mahidol University.
Copyright © 2013-2020
 

We use Cookies

This site uses cookies to personalise your experience and analyse site traffic. By Clicking ACCEPT or continuing to browse the site you are agreeing to our use of cookies.