Knowledge Article


จริงหรือไม่? มะหาดทำให้ขาวขึ้นได้


ดร.จุฑามาศ เจียรนัยกุลวานิช

ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
162,758 View,
Since 2012-08-26
Last active: 1 days ago

Scan to read on mobile device
 
A - | A +
หลายคนอาจจะสงสัยว่า มะหาด คืออะไร แต่อีกหลายคนคงเคยได้ยินสรรพคุณของครีมมะหาดในการช่วยทำให้ผิวขาว ซึ่งความจริงแล้วเป็นอย่างไรนั้น สารสกัดนี้ช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ เรามาติดตามกัน
ก่อนอื่นเราควรทำความเข้าใจกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว หรือเมลานิน (melanin) เมลานินแบ่งออกได้เป็นสองชนิด ได้แก่ pheomelanin และ eumelanin ซึ่งกระบวนการสร้างเมลานินนี้ต้องใช้กรดอะมิโน tyrosine เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ โดยมีเอ็นไซม์ tyrosinase ทำการเปลี่ยนกรดอะมิโน tyrosine ให้เป็น dihydroxyphenylalanine (DOPA) และเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็น DOPA aquinone ตามลำดับ ซึ่งสาร DOPA aquinone นี้จะทำปฏิกิริยากับสาร cysteine หรือ glutathione แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสาร cysteinyl-DOPA และเกิดกระบวนการต่อไปอีกได้เป็น 1,4-benzothiazinyl-alanine และ pheomelanin นอกจากนี้ในสภาวะที่ขาด cysteine สาร DOPA aquinone จะเปลี่ยนไปเป็น DOPA achrome ได้ ซึ่งจะถูกเปลี่ยนต่อไปเป็น 5,6-dihydroxyindole-2-carboxylic acid (DHICA) และ eumelanin ตามลำดับ ดังแผนภาพที่ 1

มะหาด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus lakoocha Roxb. เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Moraceae มีถิ่นกำเนิดจากทวีปเอเชียใต้ มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ในประเทศไทยใช้สารสกัดแก่นมะหาดในการถ่ายพยาธิ ปัจจุบันมะหาดได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นหลังจากมีการค้นพบว่า สารสกัดมะหาดมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอ็นไซม์ tyrosinase ในหลอดทดลอง โดยสารที่ออกฤทธิ์นี้ ในสารสกัด ได้แก่ oxyresveratrol และ resveratrol โดย oxyresveratrol ยับยั้งเอ็นไซม์ tyrosinase ได้มากกว่าสาร resveratrol ถึง 20 เท่า
จากผลการทดสอบสารสกัดมะหาดในการยับยั้งเอ็นไซม์ tyrosinase ในหลอดทดลอง และประสิทธิภาพในการยับยั้งการสร้างเมลานินในอาสาสมัคร พบว่า ค่าความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ tyrosinase ของสารสกัดมะหาด และ สาร oxyresveratrol มีค่าเท่ากับ 0.76 และ 0.83 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ และผลการยับยั้งการสร้างเมลานินในอาสาสมัคร โดยใช้สารสกัดมะหาดที่ความเข้มข้น 0.25% w/v ในสารละลาย propylene glycol เปรียบเทียบกับสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเมลานิน ได้แก่ สารสกัด licorice ที่ความเข้มข้น 0.25% w/v และ kojic acid ที่ความเข้มข้น 3% w/v ในสารละลายเดียวกัน โดยให้อาสาสมัรทาสารสกัดบริเวณต้นแขนข้างใดข้างหนึ่ง อีกข้างให้ใช้สารละลาย propylene glycol เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบปริมาณเมลานินที่ลดลง จากผลการทดลองพบว่าสารสกัดมะหาดช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้เมื่อใช้ทาติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ในขณะที่ kojic acid และ สารสกัด licorice ต้องใช้เวลา 6 และ 10 สัปดาห์ ตามลำดับ จึงจะเห็นความแตกต่างของสีผิว นอกจากนี้ตำรับเครื่องสำอางโลชั่นชนิดไขมันในน้ำ (oil-in-water emulsion) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสารสกัดมะหาด (0.10 %w/w) ในการทำให้ผิวขาวได้ดีขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดมะหาดเพื่อให้ผิวขาว นอกจากจะต้องพิจารณาถึงความเข้มข้นของสารสกัดมะหาดในผลิตภัณฑ์แล้ว รูปแบบของผลิตภัณฑ์ ก็มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของสารสกัดมะหาดเช่นกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. Ebanks J. P., Wickett R. R., Boissy R. E. Mechanisms Regulating Skin Pigmentation: The Rise and Fall of Complexion Coloration. Int. J. Mol. Sci. 2009, 10, 4066-4087.
  2. Tengamnuay, P., Pengrungruangwong, K., Pheansri, I., Likhitwitayawuid, K. Artocarpus lakoocha heartwood extract as a novel cosmetic ingredient: evaluation of the in vitro anti-tyrosinase and in vivo skin whitening activities. Int. J. Cosmet. Sci. 2006, 28, 269–276.
  3. Mongkolsuk, S., Robertson, A., Towers, R. 2,4,3´,5´-tetrahydroxystilbene from Artocarpus lakoocha. J. Chem. Soc. 1957, 2231–2233.
  4. Sritularak, B., De-Eknamkul, W., Likhitwitayawuid, K. Tyrosinase inhibitors from Artocarpus lakoocha. Thai J. Pharm. Sci. 1998, 22, 149–155.
Others articles

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้

Public Knowledge Articles



View all articles
-->

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

Faculty of Pharmacy, Mahidol University.

447 Sri-Ayuthaya Road, Rajathevi, Bangkok 10400, THAILAND
Designed & Developed by Department of Information Technology, Faculty of Pharmacy, Mahidol University.
Copyright © 2013-2020
 

We use Cookies

This site uses cookies to personalise your experience and analyse site traffic. By Clicking ACCEPT or continuing to browse the site you are agreeing to our use of cookies.