ถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้วถุงยางแตก กินยาคุมฉุกเฉินแล้ว มีเพศสัมพันธ์ต่อ แต่ใส่ถุงยางและถุงยางไม่แตก เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์มั้ยคะ

คำตอบ

การมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งจะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ แต่โอกาสจะมากหรือน้อยขึ้นกับว่ามีช่วงเวลาของรอบเดือนของฝ่ายหญิงด้วย กล่าวคือหากเป็นช่วงที่ใกล้กับวันที่มีการตกไข่ (กลางรอบเดือน) การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการหลั่งอสุจิภายในช่องคลอดจะมีโอกาสทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูงมากที่สุดหากไม่ใช้การคุมกำเนิด เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนมาอย่างถูกต้อง การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือการสวมถุงยางอนามัย ดังนั้นในกรณีที่ใช้ถุงยางอนามัยแล้วถุงยางรั่วหรือฉีกขาด อาจพิจารณาว่าเทียบเท่ากับการไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่หากมีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอย่างถูกวิธีในเวลาต่อมา โอกาสในการตั้งครรภ์จะลดลงได้ประมาณร้อยละ 95 และการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งถัดมาที่มีการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยอาจมีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ของถุงยางอนามัยได้ประมาณร้อยละ 87 - 98 ขึ้นกับความถูกต้องของการใช้งาน แต่ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงระยะปลอดภัย (ช่วงก่อนและหลังจากมีประจำเดือนวันแรก 7 วัน หรือ ช่วงหน้า 7 หลัง 7) โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติจะต่ำ ทั้งนี้การมีเพศสัมพันธ์ซ้ำโดยสวมถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องภายหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ไม่ต่างจากที่กล่าวไปข้างต้น

Reference:
นงลักษณ์ สุขวาณิชย์ศิลป์. ความรู้ทั่วไปเรื่องยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน. [อินเทอร์เน็ต]. 18 กุมภาพันธ์ 2561 [เข้าถึงเมื่อ 2 ม.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก : https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service-knowledge-article-info-old.php?id=419

WHO. Emergency contraception [Internet]. 2021 [cited 2025 Jan 2]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/emergency-contraception

WHO. Condoms [Internet]. 2022 [cited 2025 Jan 2]. Available from: https://www.who.int/teams/global-hiv-hepatitis-and-stis-programmes/stis/prevention/condoms

Keywords:
ยาคุมฉุกเฉิน, ถุงยางอนามัย