การใช้ Albumin มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มอัตราการตายในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ (traumatic brain

จากการศึกษาใน SAFE study ซึ่งเป็นการศึกษาแบบ randomized controlled trial, double-blind ขนาดใหญ่ พบว่าในกลุ่มผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ใน intensive care unit ทั้งหมด 16 โรงพยาบาลใน Australia และ New Zealand โดยรวมแล้วไม่พบความแตกต่างของอัตราการตายระหว่างกลุ่มที่ได้ albumin และ saline แต่กลับพบว่ามีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในผู้ป่วยที่มี trauma ดังนั้นจึงมีการนำผู้ป่วยใน SAFE study มาศึกษาในกลุ่มผู้ป่วย traumatic brain injury (The SAFE-TBI study) ระหว่าง เดือนพฤศจิกายน 2544 ถึง มิถุนายน 2546 โดย primary outcomes คือ mortality rate, vital status และ functional neurologic outcome ใน 24 เดือน โดยผู้ป่วยจำนวน 460 คนได้รับ albumin 231 คนและได้รับ saline 229 คน และ Baseline characteristic ของผู้ป่วยในทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับ albumin เสียชีวิตร้อยละ 33.2 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ saline มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตร้อยละ 20.4 โดยมีค่า relative risk เท่ากับ 1.63 (95% confidence interval เท่ากับ 1.17 - 2.26 ; P = 0.003) ซึ่งการเสียชีวิตเกิดขึ้นภายใน 28 วัน อย่างไรก็ตาม ที่ 24 เดือน ในผู้ป่วย severe TBI พบว่ากลุ่มที่ได้ albumin มีการเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มที่ได้ saline 2.38 เท่า ส่วนในผู้ป่วย moderate TBI พบว่ากลุ่มที่ได้ albumin มีการเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มที่ได้ saline 0.38 เท่า ซึ่งจากการศึกษาสามารถสรุปได้ว่าการใช้ albumin ในกลุ่มผู้ป่วยที่ severe traumatic brain injury จะมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยที่ใช้ saline ซึ่งกลไกที่ทำให้เกิดความแตกต่างของอัตราการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน แต่สาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ intracranial pressure ซึ่งพบในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้ albumin ดังนั้นจากการศึกษานี้จึงมีการแนะนำให้ใช้ saline ในการเป็น fluid resuscitation ในผู้ป่วยที่ severe traumatic brain injury