Hydrochlorothiazide กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง (ชนิด non-melanoma) เมื่อใช้เป็นเวลานานมาก
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน ธันวาคม ปี 2561 -- อ่านแล้ว 3,573 ครั้ง
โรคมะเร็งผิวหนังมีหลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ basal-cell carcinoma (BCC), squamous-cell carcinoma (SCC) และเมลาโนมา (melanoma) โรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา (non-melanoma skin cancer) พบได้มากกว่าชนิดเมลาโนมาแต่มีพัฒนาการช้ากว่าและมีความรุนแรงน้อยกว่า มีข้อมูลพบว่า hydrochlorothiazide ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะ (diuretic) ที่ใช้เป็นยาลดความดันโลหิตและยาลดภาวะบวมน้ำนั้น หากใช้เป็นเวลานานมากอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา (ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนถึงความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา) ข้อมูลดังกล่าวมาจากผลการศึกษาทางระบาดวิทยา (Danish epidemiological studies) จำนวน 2 การศึกษาซึ่งรายงานเมื่อไม่นานมานี้ โดยความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามปริมาณยาที่ร่างกายได้รับสะสม หากร่างกายได้รับยาสะสม ≥50,000 มิลลิกรัม มีความเสี่ยงต่อการเกิด BCC 1.29 เท่า (95% CI =1.23-1.35) และ SCC 3.98 เท่า (95% CI = 3.68-4.31) และหากร่างกายได้รับยาสะสมสูงมาก คือ ≥200,000 มิลลิกรัม (เทียบเท่าการใช้ hydrochlorothiazide 12.5 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 44 ปี หรือ 25 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 22 ปี) มีความเสี่ยงต่อการเกิด BCC 1.54 เท่า (95% CI = 1.38-1.71) และ SCC 7.38 เท่า (95% CI = 6.32-8.60) ส่วนมะเร็งริมฝีปาก (ชนิด SCC) พบความเสี่ยง 7.7 เท่า (95% CI = 5.7-10.5) หากปริมาณยาที่ร่างกายได้รับสะสม ≥100,000 มิลลิกรัม การศึกษาเหล่านี้ไม่พบความเสี่ยงดังกล่าวในผู้ที่ได้รับยาขับปัสสาวะหรือยาลดความดันโลหิตชนิดอื่น ได้แก่ bendroflumethiazide, calcium channel blockers, angiotensin-converting enzyme inhibitors, angiotensin II receptor antagonists และ furosemide ขณะนี้เอกสารที่เป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์ตำรับที่มี hydrochlorothiazide ผสมอยู่ รวมถึงเอกสารสำหรับผู้ป่วย ในบางประเทศได้มีการปรับปรุงโดยเพิ่มข้อมูลด้านความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมาใส่ไว้ด้วย นอกจากนี้ในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงาน Medicines and Healthcare products Regulatory Agency ได้ให้ข้อมูลและคำแนะนำสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ไว้ดังนี้
- มีข้อมูลจาก pharmacoepidemiological studies พบความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา ทั้งชนิด BCC และ SCC (รวมถึงมะเร็งริมฝีปาก) จากการใช้ hydrochlorothiazide โดยความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามปริมาณยาที่ร่างกายได้รับสะสม
- ให้คำแนะนำกับผู้ป่วยที่รับประทานยาที่มี hydrochlorothiazide ผสมอยู่ ว่าอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา โดยเฉพาะเมื่อรับประทานเป็นเวลานาน ผู้ป่วยจึงควรตรวจร่างกายด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังการเกิดก้อน ตุ่ม หรือไฝที่ผิดปกติบริเวณผิวหนัง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดหรือรังสียูวี ตลอดจนควรปกปิดหรือป้องกันร่างกายจากการสัมผัสแสงแดด
- ให้มีการพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับการใช้ hydrochlorothiazide ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
- ให้การตรวจก้อน ตุ่ม หรือไฝที่ผิดปกติบริเวณผิวหนังที่เข้าข่ายสงสัยถึงโรคมะเร็ง อาจรวมถึงการตรวจชิ้นเนื้อ
อ้างอิงจาก:
(1) Hydrochlorothiazide: risk of non-melanoma skin cancer, particularly in long-term use. Drug Safety Update volume 12, issue 4: November 2018:1; (2) Pedersen SA, Gaist D, Schmidt SAJ, Hölmich LR, Friis S, Pottegård A. Hydrochlorothiazide use and risk of nonmelanoma skin cancer: a nationwide case-control study from Denmark. J Am Acad Dermatol 2018;78:673-81; (3) Pottegård A, Hallas J, Olesen M, Svendsen MT, Habel LA, Friedman GD, Friis S. Hydrochlorothiazide use is strongly associated with risk of lip cancer. J Intern Med 2017;282:322-31.
คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
hydrochlorothiazide
โรคมะเร็งผิวหนัง
non-melanoma
basal-cell carcinoma
BCC
squamous-cell carcinoma
SCC
เมลาโนมา
melanoma
โรคมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา
non-melanoma skin cancer
ยาขับปัสสาวะ
diuretic
ยาลดความดันโลหิต
ยาลดภาวะบวมน้