Monoclonal antibody สำหรับโรคแอนแทรกซ์: update
                        ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน กรกฎาคม ปี 2559 -- อ่านแล้ว 3,077 ครั้ง
                        
                
                
                        
                        
                        
                             
                            
                                                        
                            โรคแอนแทรกซ์ (anthrax) เกิดจากแบคทีเรียแกรมบวกชื่อ Bacillus anthracis แม้โรคแอนแทรกซ์ผิวหนัง (cutaneous anthrax) จะพบมากที่สุด แต่โรคแอนแทรกซ์ทางเดินหายใจ (inhalational anthrax) มีอันตรายมากที่สุด โดยอันตรายเกิดจากท็อกซิน (toxin) ที่เชื้อสร้างขึ้น โปรตีนที่ประกอบเป็นท็อกซินแบ่งออกเป็น protective antigen (PA), lethal factor (LF) และ edema factor (EF) นอกจากนี้เชื้อนี้ยังสร้างแคปซูลซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์พวก D-glutamic acid ที่ทำให้เชื้อสามารถหลบหลีกจากกระบวนการ phagocytosis ได้ (antiphagocytic polyglutamic capsule) แคปซูลจึงมีบทบาทในการแพร่กระจายโรค (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเรื่อง “ยารักษาโรคแอนแทรกซ์: monoclonal antibody ไม่ได้ใช้ทดแทนยาต้านจุลชีพ” ใน “ข่าวยา” ประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน มิถุนายน ปี 2559) ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นยาพวก monoclonal antibody ที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อโปรตีนบาง component ของท็อกซินเพื่อลดความรุนแรงของโรค โดย monoclonal antibody เหล่านั้นไม่มีฤทธิ์ต่อตัวเชื้อจึงไม่อาจใช้ทดแทนยาต้านจุลชีพ แต่นำมาใช้ร่วมกันกับยาต้านจุลชีพ
การที่อันตรายจาก anthrax มีสาเหตุสำคัญมาจากท็อกซินและแคปซูล (ที่มีบทบาทในการแพร่กระจายโรค) จึงมีแนวคิดในการพัฒนายาประเภท monoclonal antibody ที่จำเพาะต่อ PA ( anti-PA mAb), LF (anti-LF mAb), EF (anti-EF mAb) และแคปซูล (anti-capsule mAb) หรือเป็นยาผสม (cocktail of mAbs) ซึ่ง monoclonal antibody สำหรับโรคแอนแทรกซ์ที่มีจำหน่ายแล้ว ได้แก่ raxibacumab และ obiltoxaximab ยาเหล่านี้ใช้ร่วมกับยาต้านจุลชีพเพื่อรักษาโรคแอนแทรกซ์ทางเดินหายใจ และยังใช้เพื่อป้องกันโรคด้วยโดยใช้เมื่อไม่มีทางเลือกชนิดอื่นหรือไม่มียาอื่น โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับเทียบกับความเสี่ยงจากการแพ้ยา 
Raxibacumab เป็น human IgG1 gamma monoclonal antibody ที่จับจำเพาะกับ PA เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายปี 2012 เป็นยาน้ำสำหรับหยดเข้าหลอดเลือดดำ (intravenous infusion) บรรจุขวดสำหรับการใช้ครั้งเดียว ผู้ใหญ่ใช้ขนาด 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ก่อนใช้ให้เจือจางด้วยน้ำเกลือ (0.9%) ปริมาตร 250 มิลลิลิตร ใช้เวลาให้ยา 135 นาที และเพื่อลดความเสี่ยงต่อ infusion reaction จึงให้ diphenhydramine ขนาด 25-50 มิลลิกรัมโดยการรับประทานหรือให้เข้าหลอดเลือดดำภายใน 1 ชั่วโมงก่อนให้ raxibacumab ส่วนขนาดยาในเด็กหากมีน้ำหนักตัวเกิน 50 กิโลกรัมใช้ขนาด 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ถ้าเกิน 15 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 50 กิโลกรัมใช้ขนาด 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และตั้งแต่ 15 กิโลกรัมลงมาใช้ขนาด 80 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนปริมาตรน้ำเกลือที่ใช้จะลดลงตามน้ำหนักตัวและใช้ความเข้มข้น 0.45% หรือ 0.9% แล้วแต่กรณี อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบ เช่น ผื่น คัน ง่วง ปวดแขนหรือขา ส่วน obiltoxaximab เป็น chimeric IgG1 kappa monoclonal antibody ที่จับจำเพาะกับ PA เช่นเดียวกัน เริ่มวางจำหน่ายเมื่อมีนาคม 2016 เป็นยาน้ำสำหรับหยดเข้าหลอดเลือดดำ บรรจุขวดสำหรับการใช้ครั้งเดียว ก่อนหยด obiltoxaximab จะให้ diphenhydramine เพื่อลดความเสี่ยงต่อ infusion reaction เช่นเดียวกันกับที่กล่าวข้างต้น ผู้ใหญ่ใช้ขนาด 16 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ก่อนใช้ให้เจือจางด้วยน้ำเกลือ ใช้เวลาให้ยา 90 นาที สำหรับเด็กหากมีน้ำหนักตัวเกิน 40 กิโลกรัมใช้ขนาด 16 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ถ้าเกิน 15 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 40 กิโลกรัมใช้ขนาด 24 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และตั้งแต่ 15 กิโลกรัมลงมาให้ใช้ขนาด 32 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ผู้ใหญ่ที่มีน้ำตัวน้อยกว่า 40 กิโลกรัม คำนวณขนาดยาเช่นเดียวกับเด็ก อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบ เช่น ปวดศีรษะ คัน ติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนบน ไอ ปวดและ/หรือบวมบริเวณที่ให้ยา ปวดแขนหรือขา
อ้างอิงจาก: 
(1) Friebe S, van der Goot FG, Bürgi J. The ins and outs of anthrax toxin. Toxins 2016, 8, 69; doi:10.3390/toxins8030069; (2) Greig SL. Obiltoxaximab: first global approval. Drugs 2016;76:823-30; (3) Raxibacumab. http://www.rxlist.com/raxibacumab-drug.htm; (4) Obiltoxaximab. http://www.rxlist.com/anthim-drug.htm
                            
                            
                            
                            
คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
                                anthrax
                                                             Bacillus anthracis
                                                             cutaneous anthrax
                                                             inhalational anthrax
                                                             toxin
                                                             protective antigen
                                                             PA
                                                             lethal factor
                                                             LF
                                                             edema factor
                                                             EF
                                                             D-glutamic acid
                                                             phagocytosis
                                                             antiphagocytic polyglutamic capsule
                                                             monoclonal antibody
                                                             anti-PA mAb
                                                             anti-LF mA