เคยสงสัยหรือไม่ เหตุใดยาพ่นแก้คัดจมูกบางชนิดสามารถบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดีเมื่อใช้ในช่วงแรก แต่กลับทำให้คัดจมูกมากขึ้นหลังจากใช้ยาพ่นจมูกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแล้วหยุดใช้
ยาพ่นแก้คัดจมูก (nasal spray) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์ (steroid) ซึ่งตัวยาสำคัญออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบบริเวณโพรงจมูก1 ยากลุ่มแรกนี้ออกฤทธิ์ภายใน 3-12 ชั่วโมงและเห็นผลสูงสุดเมื่อใช้ติดต่อกันภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์2 และ 2) ยาพ่นจมูกชนิดออกฤทธิ์หดหลอดเลือดในโพรงจมูก (decongestant) ซึ่งตัวยาสำคัญออกฤทธิ์หดหลอดเลือดที่บวมบริเวณโพรงจมูก ออกฤทธิ์ได้เร็วภายใน 5-10 นาที3-5 ซึ่งจากการออกฤทธิ์ที่รวดเร็วทำให้ยากลุ่มหลังนี้ได้รับความนิยมสำหรับการบรรเทาอาการคัดจมูกเป็นครั้งคราว แต่การใช้ยาพ่นจมูกชนิดออกฤทธิ์หดหลอดเลือดในโพรงจมูกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของการคัดจมูกหรือคัดจมูกมากยิ่งขึ้นได้ ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์นี้พบได้น้อยในการใช้ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์6-10 บทความนี้จึงมุ่งอธิบายสาเหตุที่ยากลุ่มนี้ส่งผลให้เกิดอาการคัดจมูกมากยิ่งขึ้น
“ยาพ่นแก้คัดจมูกชนิดออกฤทธิ์หดหลอดเลือดในโพรงจมูก” คือ ยารูปแบบสเปรย์ที่ใช้บรรเทาอาการคัดจมูกชั่วคราว โดยใช้พ่นเฉพาะเวลามีอาการ ตัวอย่างยากลุ่มนี้ ได้แก่ อ็อกซีเมทาโซลิน (oxymetazoline) ไซโลเมทาโซลิน (xylometazoline) และนาฟาโซลิน (naphazoline) ซึ่งมีชื่อทางการค้าและขนาดยาที่ใช้ดังแสดงในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ตัวอย่างยาพ่นแก้คัดจมูกที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
ตัวยาสำคัญ |
ตัวอย่างชื่อทางการค้า |
ขนาดยาที่ใช้ |
0.05% อ็อกซีเมทาโซลิน (oxymetazoline) |
- Iliadin® - Phindroz® - Feenoze® - Metzodin® - Oxymet® - Pernazene oxy® |
พ่นจมูกข้างละ 2-3 พ่น เช้า-เย็น พ่นห่างกันแต่ละครั้งมากกว่า 10-12 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี) |
0.1% ไซโลเมทาโซลิน (xylometazoline) |
- Actavia® - Otrivin® |
พ่นจมูกข้างละ 1 พ่น เช้า-กลางวัน-เย็น สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี) |
0.05% ไซโลเมทาโซลิน (xylometazoline) |
- Otrivin® |
เด็กอายุ 6-11 ปี: พ่นจมูกข้างละ 1-2 พ่น เช้า-กลางวัน-เย็น สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน เด็กอายุ 1-5 ปี: พ่นจมูกข้างละ 1 พ่น เช้า-เย็น สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน |
0.1% นาฟาโซลิน (naphazoline) และ 0.25% คลอเฟนิรามิน (chlorpheniramine) |
- Nasol® - Nose frossy® |
พ่นจมูกข้างละ 1 พ่น ทุก 6 ชั่วโมง หรือตามความจำเป็น (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี) |
หมายเหตุ: การพ่นจมูกเกิดจากการกดยาด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน 1 ครั้ง (เรียกว่า 1 พ่น หรือ 1 puff)
นอกจากผลิตในรูปแบบยาพ่นจมูกแล้ว ยังมียาเหล่านี้ในรูปแบบยาหยอดจมูก (nasal drop) ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของการคัดจมูกหรือคัดจมูกมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับรูปแบบยาพ่นได้หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
การคัดจมูกเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุบริเวณโพรงจมูกซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่หลอดเลือดดำขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เยื่อบุบริเวณโพรงจมูกบวมและอุดตันจนไม่สามารถหายใจได้สะดวกและเกิดการคัดจมูกขึ้น11 เมื่อเราใช้ยาพ่นแก้คัดจมูก ตัวยาจะแทรกผ่านบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกและออกฤทธิ์ให้หลอดเลือดที่บริเวณนั้นหดตัว ส่งผลลดอาการคัดจมูกลงได้12 อย่างไรก็ตามการใช้ยาพ่นแก้คัดจมูกชนิดออกฤทธิ์หดหลอดเลือดในโพรงจมูกเหมาะสำหรับการใช้เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูกเพียงครั้งคราว เช่น อาการคัดจมูกที่เกิดขึ้นจากหวัด รวมถึงอาการคัดจมูกที่มีความจำเป็นต้องลดการบวมของเยื่อบุจมูกชั่วคราวจากโรคเรื้อรัง เช่น เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ซึ่งการใช้ยาพ่นแก้คัดจมูกชนิดหดหลอดเลือดในโพรงจมูกเพื่อรักษาอาการคัดจมูกที่มีลักษณะดังกล่าวอาจไม่ใช่การรักษาที่เหมาะสมที่สุด ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประเมินหาสาเหตุของอาการคัดจมูกและความเหมาะสมของยาหรือวิธีการในการรักษา
การกลับเป็นซ้ำของอาการคัดจมูกหรือคัดจมูกมากยิ่งขึ้น (rebound congestion) หลังจากหยุดใช้ยาพ่นแก้คัดจมูกสามารถเกิดได้ในผู้ที่ใช้ยาพ่นแก้คัดจมูกต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานกว่า 7-10 วัน ปัจจุบันกลไกการเกิดสาเหตุดังกล่าวยังไม่แน่ชัด แต่มีสมมติฐานว่าการได้รับยาพ่นแก้คัดจมูกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการบวม โดยยาแก้คัดจมูกส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณโพรงจมูกหดตัว อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงที่บริเวณเยื่อบุโพรงจมูกน้อยลง เยื่อบุโพรงจมูกจึงเกิดการคั่งและบวม หรืออาจเกิดจากความสามารถในการหดตัวของหลอดเลือดบริเวณโพรงจมูกแย่ลง ทำให้หลอดเลือดดำบริเวณโพรงจมูกกลับมาขยายตัว และอุดตันโพรงจมูกอีกครั้ง และเกิดการชินต่อยาแก้คัดจมูก ทำให้ต้องใช้ยาในขนาดที่สูงขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดจากความตึงตัวของหลอดเลือด (vasomotor tone) เปลี่ยนแปลงไป เพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกและเกิดการบวมได้12
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด การใช้ยาพ่นแก้คัดจมูกจึงควรใช้เฉพาะเวลามีอาการและใช้ติดต่อกันไม่เกิน 3-5 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น