ไทย |
มนุษย์มีร่างกายที่มหัศจรรย์..เซลล์หน่วยชีวิตที่เล็กที่สุดในร่างกายทำงานประสานกันอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้เกิดการพัฒนาด้านร่างกายตามวัย และแน่นอนย่อมเสื่อมไปตามวัยเช่นกัน แต่ความเสื่อมของเซลล์เหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นกับพันธุกรรม...ประกอบกับกรรมที่ทำไว้ และการนำตัวเองเข้าสู่สภาวะเสี่ยง นอกจากนี้ร่างกายคนปกติจะมีกระบวนการทำงานที่จะปกป้องตัวเองจากการคุกคาม ของสิ่งบุกรุกทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตจากภายนอก นี่แหละ ”พลังปกป้องตนเอง” ซึ่งมีทั้ง พลังปกป้อง ”ร่างกาย” และ พลังปกป้อง “จิตใจ”
พลังปกป้องตัวเองหรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกัน มีมาตั้งแต่เกิดในครรภ์มารดา และสร้างขึ้นภายหลังคลอดซึ่งมีทั้งชนิดภูมิคุ้มกันก่อเอง (active immunity) และภูมิคุ้มกันรับมา (passive immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่ปกป้องร่างกายจากภัยคุกคามภายนอก ตัวอย่าง พลังปกป้อง ”ร่างกาย” จากผู้บุกรุก “เชื้อโรค”
พลังปกป้อง..”ร่างกาย” | กระบวนการ |
ผิวหนังและเยื่อเมือกบุผิวเนื้อเยื่ออ่อน | เลือดจะไหลออกมาเพื่อผลักดันเชื้อโรคที่เล็ดลอดเข้าทางผิวหนังที่ฉีกขาดเป็นแผลให้ออกนอกร่างกาย บริเวณผิวที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อน เช่น นัยน์ตา จมูก ปาก ลำคอ อวัยวะสืบพันธุ์ ทวารหนัก จะมีเยื่อเมือกคอยดักจับทำลายเชื้อโรค โดยผลิตสารซึ่งส่วนใหญ่มีฤทธิ์เป็นกรดไปทำลายเชื้อโรค |
เม็ดเลือดขาว (Leucocytes) | เม็ดเลือดขาวจะทำลายเชื้อโรคโดยการ โอบกินและปล่อยเอนไซม์ ซึ่งเป็นสารพวกโปรตีนทำลายเชื้อโรค ส่วนเชื้อโรคจะต่อสู้โดยการปล่อยสารพิษ ทอกซิน (Toxin) ซึ่งเป็นสารพวกโปรตีนออกมาต่อสู้ ผลของการต่อสู้ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง คันตามบริเวณบาดแผลและเกิดหนองขึ้น ซากเม็ดเลือดขาวและเชื้อโรคที่ตายแล้ว รวมทั้งเนื้อเยื่อที่เน่าหลุดออกมารวมกันกลายเป็นหนอง ในเลือดมีสารประเภทโปรตีนที่เรียกว่าแอนติบอดี (Antibody) ซึ่งร่างกายสร้างขึ้น มาเพื่อช่วยเม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรค |
ต่อมน้ำเหลือง (Lymph nodes) | ต่อมน้ำเหลืองมีหน้าที่เป็นด่านกรองเชื้อโรคและช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว เมื่อเม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อโรคได้ไม่หมด เชื้อโรคจะแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง จะทำหน้าที่กำจัด เชื้อโรคต่อไป โดยการกรองเชื้อโรคไว้แล้วทำลายทิ้ง ต่อมน้ำเหลืองตั้งอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ต่อมทอนซิล ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณกกหู ถ้ามีเชื้อโรคเข้ามามากๆ จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น ๆ ต้องทำงานหนักจึงมีอาการอักเสบบวมขึ้น |
ระบบเซลล์ในม้าม ตับ ปอดและไขกระดูก | ถ้ามีเชื้อโรคผ่านต่อมน้ำเหลืองเข้ามาได้ก็เป็นหน้าที่ของด่านสุดท้าย คือระบบเซลล์ ในม้าม ตับ ปอดและไขกระดูก ช่วยทำลายเชื้อโรคหรือซากของเสีย เช่น ซากเม็ดเลือดขาว หรือ ซากเนื้อเยื่อ และขจัดออกไปจากร่างกาย ตับมีหน้าที่ทำลายสารพิษ ไขกระดูกมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว |
พลังปกป้อง..”ร่างกาย”
พลังปกป้อง..”จิตใจ”
พลังปกป้อง..”จิตใจ” เป็นการแสดงออกของพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ที่เกิดจากความแปรปรวนด้านจิตใจเนื่องจากสภาวะแวดล้อม พฤติกรรมที่แสดงซ้ำๆ ในระยะต้นจะไม่มีผลโดยตรงต่อร่างกาย แต่จะมีผลต่อบุคลิกภาพ การใช้พลังปกป้อง “จิตใจ” แสดงพฤติกรรมใน “แง่บวก” จะมีผลทำให้ผู้ปฏิบัติมีบุคลิกภาพที่ดี และมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย หากใช้พลังปกป้อง “จิตใจ” แสดงพฤติกรรมใน “แง่ลบ” จะก่อให้เกิดความเครียด (ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจในการกระทำนั้น)ก็จะมีผลเสียต่อร่างกาย และอาจต้องมีการใช้ยาซึ่งเป็นสิ่งคุกคามจากภายนอก เมื่อมีการสะสมและมีปริมาณมากขึ้น “พลังปกป้องตนเอง” ก็ต้องทำงานกำจัดยาหรือสารเหลือจากยาเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อร่างกายในที่สุด
Sigmund Freud (1856-1939) บิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์ นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย ผู้ที่สร้างทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) อธิบายว่ากลไกในการป้องกันตัว (Defense Mechanism) เป็นวิธีการปรับตัวในระดับจิตไร้สำนึก มักจะเป็นสิ่งที่คนปกติทั่วไปทุกวัย นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่อนุบาลจนถึงวัยชรา เป็นวิธีการที่บุคคลใช้ในการปรับตัว เมื่อประสบปัญหาความคับข้องใจ การใช้กลไกป้องกันตัวจะช่วยยืดเวลาในการแก้ปัญหา เพราะจะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด ความไม่สบายใจ ทำให้คิดหาเหตุผลหรือแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด กลไกเหล่านี้ได้แก่