หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากยาหยุดถ่าย มีทางเลือกอื่นในการรับมือกับท้องเสีย?

โดย นศภ.อมลณัฐ ศิริไชยบูลย์วัฒน์ ภายใต้คำแนะนำของ ผศ.ดร.ภญ.อัญชลี จินตพัฒนากิจ เผยแพร่ตั้งแต่ 18 มีนาคม พ.ศ.2568 -- 6,191 views
 

นิยามของภาวะท้องเสีย

จากนิยามขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ภาวะท้องเสีย (diarrhea) หมายถึง การถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้งขึ้นไปในหนึ่งวัน หรือมีจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระบ่อยกว่าปกติ แต่ไม่รวมถึงการถ่ายอุจจาระที่เป็นน้ำเหลวในทารกที่ดื่มนมแม่[1] โดยภาวะท้องเสียในทางการแพทย์สามารถแบ่งตามระยะเวลาที่พบอาการได้ 2 ประเภท ได้แก่ 1) ภาวะท้องเสียเฉียบพลัน (acute diarrhea) ซึ่งมักจะมีอาการคงอยู่ไม่เกิน 14 วัน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย 2) ภาวะท้องเสียเรื้อรัง (persistence diarrhea) ซึ่งจะมีอาการคงอยู่ 14 วันขึ้นไป โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคประจำตัวและการใช้ยาของผู้ป่วย[2] ทั้งนี้การดูแลรักษาภาวะท้องเสียที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ดังนั้นการรับประทานสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (oral rehydration solution; ORS) จึงเป็นการรักษาหลักที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับแรกก่อนใช้ยาเพื่อลดจำนวนครั้งของการถ่ายหรือเพื่อรักษาสาเหตุของการท้องเสีย

ยาหยุดถ่าย

ภาวะท้องเสียเป็นการเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นหนึ่งใน 32 กลุ่มอาการที่สามารถเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทองได้ที่ร้านยาคุณภาพ[3] ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงมักซื้อยารับประทานเอง อีกทั้งท้องเสียเป็นภาวะที่สร้างความไม่สะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึงลดคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีอาการเนื่องจากต้องถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ยาหยุดถ่ายจึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่มักถูกเลือกใช้ สำหรับโลเพอราไมด์ (loperamide) มีจำหน่ายด้วยชื่อการค้าที่หลากหลายในประเทศไทย โดยชื่อการค้าที่รู้จักกันดี คือ อิโมเดียม (Imodium) หรือที่ส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “ยาหยุดถ่าย” เป็นยาที่ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยในการบรรเทาท้องเสียมาอย่างยาวนาน โดยข้อบ่งใช้ที่ได้รับ คือบรรเทาภาวะท้องเสียเฉียบพลันหรือเรื้อรัง[4] โลเพอราไมด์ออกฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหูรูดทวารหนักบีบตัวมากขึ้น เพิ่มเวลาในการเคลื่อนที่ของอุจจาระ ลดการสูญเสียอิเล็กโทรไลต์ จึงสามารถช่วยบรรเทาภาวะท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ[5] ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการใช้โลเพอราไมด์ เช่น ท้องผูก ปวดท้อง อาเจียน เวียนหัว[6] อย่างไรก็ตามโลเพอราไมด์อาจไม่เหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยทุกราย เช่น การใช้ในผู้ป่วยที่มีไข้สูงร่วมด้วยหรือผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสียแบบมีเลือดปน เนื่องจากฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของลำไส้อาจขัดขวางกลไกตามธรรมชาติในการขับเชื้อโรคออกจากร่างกาย ส่งผลให้มีเชื้อโรคค้างอยู่ในทางเดินอาหารนานขึ้น รวมถึงมีรายงานการเกิดอาการวูบและหัวใจเต้นช้าลงจากการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานอีกด้วย[7] ดังนั้นกรณีที่มีภาวะท้องเสียแต่ไม่ต้องการใช้ยาหยุดถ่ายหรือท้องเสียจากสาเหตุที่ไม่ควรใช้ยาหยุดถ่าย จะมียาทางเลือกอื่น ๆ อย่างไร

ยาทางเลือกในการรับมือกับภาวะท้องเสีย

Racecadotril

ราซีคาโดทริล (racecadotril) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์เอ็นเคฟาลิเนส (enkephalinase) เพื่อป้องกันการสลายตัวของเอ็นเคฟาลิน (enkephalin) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดการหลั่งน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในลำไส้ ยานี้จึงช่วยลดการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่มากเกินไปในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวตามปกติของลำไส้[8] อีกทั้งยังมีการศึกษาสนับสนุนประสิทธิภาพของยาทางเลือกนี้ โดยเป็นการเปรียบเทียบระหว่างราซีคาโดทริลและโลเพอราไมด์ พบว่าสามารถรักษาภาวะท้องเสียในผู้ใหญ่ได้ไม่ต่างกัน แต่ราซีคาโดทริลทำให้เกิดการท้องผูกต่ำกว่า[9] โดยชื่อการค้าของยานี้ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ Hidrasec ซึ่งมีรูปแบบและขนาดการใช้ดังแสดงในตาราง[10] สำหรับข้อบ่งใช้ของราซีคาโดทริลที่ได้รับจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียเฉียบพลันในผู้ใหญ่ เด็ก และทารกอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยใช้ร่วมกับของเหลวที่ใช้สำหรับชดเชยการสูญเสียน้ำของร่างกาย[4]

รูปแบบยาที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีการรับประทาน

Hidrasec แคปซูล

(100 mg/แคปซูล)

ผู้ใหญ่: 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง จนกระทั่งอุจจาระกลับมาเป็นปกติ 2 ครั้ง (ห้ามใช้เกิน 7 วัน)

หมายเหตุ: ไม่แนะนำให้มีการใช้ในระยะยาว และถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ 3 วัน แนะนำให้พบแพทย์

Hidrasec ผง

(10 mg/ซอง) และ (30 mg/ซอง)

เด็ก: ขนาดยากำหนดตามน้ำหนักตัว คือ 1.5 mg/kg/ครั้ง วันละ 3 ครั้ง (รับประทานไม่เกิน 6 mg/kg/วัน)

Dioctahedral smectite

ไดอ็อกตาฮีดรัล สเมกไทต์ (dioctahedral smectite) เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยเสริมให้เยื่อเมือกมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยยาสามารถเคลือบติดกับเยื่อบุลำไส้ได้ดี ทำให้สารพิษและเชื้อโรคไม่สามารถสะสมอยู่ในลำไส้ได้จนถูกขับออกพร้อมอุจจาระ[11] อีกทั้งยังมีการศึกษาสนับสนุนประสิทธิภาพของยาในการลดระยะเวลาการฟื้นตัวจากภาวะท้องเสีย[12] โดยชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ Smecta และ Dehecta ซึ่งมีรูปแบบและขนาดการใช้ดังแสดงในตาราง[13,14] สำหรับข้อบ่งใช้ของไดอ็อกตาฮีดรัล สเมกไทต์ที่ได้รับจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรังในผู้ใหญ่ ภาวะท้องเสียชนิดเฉียบพลันในเด็ก 2 ปีขึ้นไป ร่วมกับการให้สารน้ำทางปาก และรักษาอาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของลำไส้ในผู้ใหญ่[4]

รูปแบบยาที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีการรับประทาน

Smecta ผง

(3 g/ซอง)

ผู้ใหญ่: 1 ซอง วันละ 3 ครั้ง

เด็ก: อายุต่ำกว่า 1 ปี วันละ 1 ซอง

อายุ 1-2 ปี วันละ 1-2 ซอง

อายุ 2 ปีขึ้นไป วันละ 2-3 ซอง

Dehecta ยาน้ำแขวนตะกอน

(3 g/20 ml/ซอง)

ผู้ใหญ่: 1 ซอง วันละ 3-4 ครั้ง

เด็ก: อายุต่ำกว่า 1 ปี วันละ 1 ซอง แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง

อายุ 1-2 ปี วันละ 1-2 ซอง แบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง

อายุ 2 ปีขึ้นไป วันละ 2-3 ซอง แบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง

Probiotics

โพรไบโอติก (probiotics) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีส่วนช่วยปรับสมดุลในทางเดินอาหารให้เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรเทาอาการท้องเสีย เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าโพรไบโอติกสามารถลดระยะเวลาของการเกิดภาวะท้องเสียได้ประมาณ 25 ชั่วโมง และลดความเสี่ยงของการมีภาวะดังกล่าวที่ยาวนานถึงสี่วันหรือมากกว่าลงได้ร้อยละ 59 อีกทั้งยังสามารถลดจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระในวันที่ 2 หลังการให้โพรไบโอติกได้ประมาณหนึ่งครั้ง[15] ตัวอย่างสายพันธุ์ที่มีข้อมูลว่าสามารถใช้ได้ เช่น Lactobacillus rhamnosus GG และ Saccharomyces boulardii เป็นต้น ทั้งนี้การเลือกใช้โพรไบโอติกในแต่ละข้อบ่งใช้จำเป็นต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ที่มีข้อมูลประสิทธิผลด้วย[16] ตัวอย่างข้อบ่งใช้ของโพรไบโอติกสายพันธุ์ Saccharomyces boulardii ที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียเฉียบพลันและท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อ รักษาและป้องกันอาการแทรกซ้อนจากการรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารเนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ป้องกันภาวะท้องเสียในคนไข้ที่ได้รับอาหารโดยผ่านทางท่อสวน และรักษาการกลับเป็นซ้ำของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Clostridium difficile[4]

Zinc

ซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่องค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) แนะนำให้ใช้เสริมสำหรับรักษาภาวะท้องเสียในเด็ก โดยจะอยู่ในรูปแบบเภสัชตำรับที่มีใช้ในโรงพยาบาลซึ่งมีขนาดที่แนะนำในการรักษาดังนี้ ขนาด 20 mg ต่อวัน เป็นเวลา 10 วัน สำหรับเด็กที่มีภาวะท้องเสียเฉียบพลัน และ 10 mg ต่อวัน สำหรับทารกที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อบรรเทาความรุนแรงของอาการและยังสามารถป้องกันการเป็นซ้ำใน 2-3 เดือนถัดไปได้อีกด้วย[17]

บทสรุป

ยาเหล่านี้เป็นทางเลือกในการช่วยบรรเทาอาการจากภาวะท้องเสียเท่านั้นไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ การรับประทานสารละลายน้ำตาลเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไป รวมถึงพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีจำเป็นและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรยังคงมีความสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยสูงสุด

เอกสารอ้างอิง

  1. World Health Organization. Diarrhoeal disease [Internet]. Geneva: World Health Organization; 2023 [cited 2024 Oct 30]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/diarrhoeal-disease.
  2. American College of Gastroenterology. Diarrheal Diseases – Acute and Chronic. [Internet]. 2023 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://gi.org/topics/diarrhea-acute-and-chronic/.
  3. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ร้านยาคุณภาพ ขยายดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อยเพิ่มเป็น ‘32 กลุ่มอาการ’ เริ่ม 3 ก.ย.67. [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://www.nhso.go.th/news/4542.
  4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://www.fda.moph.go.th/?op=kwssl&lang=1&skin=s&db=Main&ww=.
  5. Sahi N, Nguyen R, Patel P, et al. Loperamide. [Updated 2024 Feb 28]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2024 Jan-. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK557885/.
  6. Micromedex. Loperamide. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 18] Available from: https://www-micromedexsolutions-com.
  7. Palkar P, Kothari D. bradycardia and syncope in a patient presenting with loperamide abuse. Cureus. 2018; 10(5):e2599.
  8. Matheson AJ, Noble S. Racecadotril. Drugs. 2000; 59(4):829-35; discussion 36-7.
  9. Wang HH, Shieh MJ, Liao KF. A blind, randomized comparison of racecadotril and loperamide for stopping acute diarrhea in adults. World J Gastroenterol. 2005; 11(10): 1540-3.
  10. MIMS. Hidrasec. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www. mims.com/thailand/drug/info/hidrasec.
  11. Dupont C, Vernisse B. Anti-diarrheal effects of diosmectite in the treatment of acute diarrhea in children: a review. Paediatr Drugs. 2009; 11(2):89-99.
  12. Khediri F, Mrad AI, Azzouz M, et al. Efficacy of diosmectite (smecta) in the treatment of acute watery diarrhoea in adults: a multicentre, randomized, double-blind, placebo-controlled, parallel group study. Gastroenterol Res Pract. 2011; 2011:783196.
  13. MIMS. Smecta. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www.mims.com/thailand/drug/info/smecta.
  14. MIMS. Dehecta. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www.mims. com/thailand/drug/info/dehecta.
  15. Allen SJ, Martinez EG, Gregorio GV, Dans LF. Probiotics for treating acute infectious diarrhoea. Cochrane Database Syst Rev. 2010; 2010(11):cd003048.
  16. คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ. คู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติ เล่ม 1 ยาระบบทางเดินอาหาร. [อินเทอร์เน็ต]. 2551 [เข้าถึงเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://ndi.fda.moph.go.th/uploads/main_drug_file/20171115142328.pdf.
  17. PATH. Zinc treatment for diarrhea. [Internet]. 2013 [cited 2024 Nov 12]. Available from: https://www.defeatdd.org/wp-content/uploads/archive/zinc-treatment-for-diarrhea.pdf.

คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
ท้องเสีย ท้องเสียเฉียบพลัน ยาหยุดถ่าย loperamide racecadotril dioctahedral smectite zinc
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.12 การใช้ครีมสเตียรอยด์อย่างถูกวิธี (Proper use of steroid cream)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้