หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากยาหยุดถ่าย มีทางเลือกอื่นในการรับมือกับท้องเสีย?

โดย นศภ.อมลณัฐ ศิริไชยบูลย์วัฒน์ ภายใต้คำแนะนำของ ผศ.ดร.ภญ.อัญชลี จินตพัฒนากิจ เผยแพร่ตั้งแต่ 18 มีนาคม พ.ศ.2568 -- 1,244 views
 

นิยามของภาวะท้องเสีย

จากนิยามขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ภาวะท้องเสีย (diarrhea) หมายถึง การถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้งขึ้นไปในหนึ่งวัน หรือมีจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระบ่อยกว่าปกติ แต่ไม่รวมถึงการถ่ายอุจจาระที่เป็นน้ำเหลวในทารกที่ดื่มนมแม่[1] โดยภาวะท้องเสียในทางการแพทย์สามารถแบ่งตามระยะเวลาที่พบอาการได้ 2 ประเภท ได้แก่ 1) ภาวะท้องเสียเฉียบพลัน (acute diarrhea) ซึ่งมักจะมีอาการคงอยู่ไม่เกิน 14 วัน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย 2) ภาวะท้องเสียเรื้อรัง (persistence diarrhea) ซึ่งจะมีอาการคงอยู่ 14 วันขึ้นไป โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคประจำตัวและการใช้ยาของผู้ป่วย[2] ทั้งนี้การดูแลรักษาภาวะท้องเสียที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ดังนั้นการรับประทานสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (oral rehydration solution; ORS) จึงเป็นการรักษาหลักที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับแรกก่อนใช้ยาเพื่อลดจำนวนครั้งของการถ่ายหรือเพื่อรักษาสาเหตุของการท้องเสีย

ยาหยุดถ่าย

ภาวะท้องเสียเป็นการเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นหนึ่งใน 32 กลุ่มอาการที่สามารถเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทองได้ที่ร้านยาคุณภาพ[3] ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงมักซื้อยารับประทานเอง อีกทั้งท้องเสียเป็นภาวะที่สร้างความไม่สะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึงลดคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีอาการเนื่องจากต้องถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ยาหยุดถ่ายจึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่มักถูกเลือกใช้ สำหรับโลเพอราไมด์ (loperamide) มีจำหน่ายด้วยชื่อการค้าที่หลากหลายในประเทศไทย โดยชื่อการค้าที่รู้จักกันดี คือ อิโมเดียม (Imodium) หรือที่ส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “ยาหยุดถ่าย” เป็นยาที่ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยในการบรรเทาท้องเสียมาอย่างยาวนาน โดยข้อบ่งใช้ที่ได้รับ คือบรรเทาภาวะท้องเสียเฉียบพลันหรือเรื้อรัง[4] โลเพอราไมด์ออกฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหูรูดทวารหนักบีบตัวมากขึ้น เพิ่มเวลาในการเคลื่อนที่ของอุจจาระ ลดการสูญเสียอิเล็กโทรไลต์ จึงสามารถช่วยบรรเทาภาวะท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ[5] ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการใช้โลเพอราไมด์ เช่น ท้องผูก ปวดท้อง อาเจียน เวียนหัว[6] อย่างไรก็ตามโลเพอราไมด์อาจไม่เหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยทุกราย เช่น การใช้ในผู้ป่วยที่มีไข้สูงร่วมด้วยหรือผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสียแบบมีเลือดปน เนื่องจากฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของลำไส้อาจขัดขวางกลไกตามธรรมชาติในการขับเชื้อโรคออกจากร่างกาย ส่งผลให้มีเชื้อโรคค้างอยู่ในทางเดินอาหารนานขึ้น รวมถึงมีรายงานการเกิดอาการวูบและหัวใจเต้นช้าลงจากการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานอีกด้วย[7] ดังนั้นกรณีที่มีภาวะท้องเสียแต่ไม่ต้องการใช้ยาหยุดถ่ายหรือท้องเสียจากสาเหตุที่ไม่ควรใช้ยาหยุดถ่าย จะมียาทางเลือกอื่น ๆ อย่างไร

ยาทางเลือกในการรับมือกับภาวะท้องเสีย

Racecadotril

ราซีคาโดทริล (racecadotril) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์เอ็นเคฟาลิเนส (enkephalinase) เพื่อป้องกันการสลายตัวของเอ็นเคฟาลิน (enkephalin) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดการหลั่งน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในลำไส้ ยานี้จึงช่วยลดการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่มากเกินไปในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวตามปกติของลำไส้[8] อีกทั้งยังมีการศึกษาสนับสนุนประสิทธิภาพของยาทางเลือกนี้ โดยเป็นการเปรียบเทียบระหว่างราซีคาโดทริลและโลเพอราไมด์ พบว่าสามารถรักษาภาวะท้องเสียในผู้ใหญ่ได้ไม่ต่างกัน แต่ราซีคาโดทริลทำให้เกิดการท้องผูกต่ำกว่า[9] โดยชื่อการค้าของยานี้ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ Hidrasec ซึ่งมีรูปแบบและขนาดการใช้ดังแสดงในตาราง[10] สำหรับข้อบ่งใช้ของราซีคาโดทริลที่ได้รับจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียเฉียบพลันในผู้ใหญ่ เด็ก และทารกอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยใช้ร่วมกับของเหลวที่ใช้สำหรับชดเชยการสูญเสียน้ำของร่างกาย[4]

รูปแบบยาที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีการรับประทาน

Hidrasec แคปซูล

(100 mg/แคปซูล)

ผู้ใหญ่: 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง จนกระทั่งอุจจาระกลับมาเป็นปกติ 2 ครั้ง (ห้ามใช้เกิน 7 วัน)

หมายเหตุ: ไม่แนะนำให้มีการใช้ในระยะยาว และถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ 3 วัน แนะนำให้พบแพทย์

Hidrasec ผง

(10 mg/ซอง) และ (30 mg/ซอง)

เด็ก: ขนาดยากำหนดตามน้ำหนักตัว คือ 1.5 mg/kg/ครั้ง วันละ 3 ครั้ง (รับประทานไม่เกิน 6 mg/kg/วัน)

Dioctahedral smectite

ไดอ็อกตาฮีดรัล สเมกไทต์ (dioctahedral smectite) เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยเสริมให้เยื่อเมือกมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยยาสามารถเคลือบติดกับเยื่อบุลำไส้ได้ดี ทำให้สารพิษและเชื้อโรคไม่สามารถสะสมอยู่ในลำไส้ได้จนถูกขับออกพร้อมอุจจาระ[11] อีกทั้งยังมีการศึกษาสนับสนุนประสิทธิภาพของยาในการลดระยะเวลาการฟื้นตัวจากภาวะท้องเสีย[12] โดยชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ Smecta และ Dehecta ซึ่งมีรูปแบบและขนาดการใช้ดังแสดงในตาราง[13,14] สำหรับข้อบ่งใช้ของไดอ็อกตาฮีดรัล สเมกไทต์ที่ได้รับจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรังในผู้ใหญ่ ภาวะท้องเสียชนิดเฉียบพลันในเด็ก 2 ปีขึ้นไป ร่วมกับการให้สารน้ำทางปาก และรักษาอาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของลำไส้ในผู้ใหญ่[4]

รูปแบบยาที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีการรับประทาน

Smecta ผง

(3 g/ซอง)

ผู้ใหญ่: 1 ซอง วันละ 3 ครั้ง

เด็ก: อายุต่ำกว่า 1 ปี วันละ 1 ซอง

อายุ 1-2 ปี วันละ 1-2 ซอง

อายุ 2 ปีขึ้นไป วันละ 2-3 ซอง

Dehecta ยาน้ำแขวนตะกอน

(3 g/20 ml/ซอง)

ผู้ใหญ่: 1 ซอง วันละ 3-4 ครั้ง

เด็ก: อายุต่ำกว่า 1 ปี วันละ 1 ซอง แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง

อายุ 1-2 ปี วันละ 1-2 ซอง แบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง

อายุ 2 ปีขึ้นไป วันละ 2-3 ซอง แบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง

Probiotics

โพรไบโอติก (probiotics) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีส่วนช่วยปรับสมดุลในทางเดินอาหารให้เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรเทาอาการท้องเสีย เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าโพรไบโอติกสามารถลดระยะเวลาของการเกิดภาวะท้องเสียได้ประมาณ 25 ชั่วโมง และลดความเสี่ยงของการมีภาวะดังกล่าวที่ยาวนานถึงสี่วันหรือมากกว่าลงได้ร้อยละ 59 อีกทั้งยังสามารถลดจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระในวันที่ 2 หลังการให้โพรไบโอติกได้ประมาณหนึ่งครั้ง[15] ตัวอย่างสายพันธุ์ที่มีข้อมูลว่าสามารถใช้ได้ เช่น Lactobacillus rhamnosus GG และ Saccharomyces boulardii เป็นต้น ทั้งนี้การเลือกใช้โพรไบโอติกในแต่ละข้อบ่งใช้จำเป็นต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ที่มีข้อมูลประสิทธิผลด้วย[16] ตัวอย่างข้อบ่งใช้ของโพรไบโอติกสายพันธุ์ Saccharomyces boulardii ที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาจาก อย. คือรักษาภาวะท้องเสียเฉียบพลันและท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อ รักษาและป้องกันอาการแทรกซ้อนจากการรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารเนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ป้องกันภาวะท้องเสียในคนไข้ที่ได้รับอาหารโดยผ่านทางท่อสวน และรักษาการกลับเป็นซ้ำของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Clostridium difficile[4]

Zinc

ซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่องค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) แนะนำให้ใช้เสริมสำหรับรักษาภาวะท้องเสียในเด็ก โดยจะอยู่ในรูปแบบเภสัชตำรับที่มีใช้ในโรงพยาบาลซึ่งมีขนาดที่แนะนำในการรักษาดังนี้ ขนาด 20 mg ต่อวัน เป็นเวลา 10 วัน สำหรับเด็กที่มีภาวะท้องเสียเฉียบพลัน และ 10 mg ต่อวัน สำหรับทารกที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อบรรเทาความรุนแรงของอาการและยังสามารถป้องกันการเป็นซ้ำใน 2-3 เดือนถัดไปได้อีกด้วย[17]

บทสรุป

ยาเหล่านี้เป็นทางเลือกในการช่วยบรรเทาอาการจากภาวะท้องเสียเท่านั้นไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ การรับประทานสารละลายน้ำตาลเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไป รวมถึงพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีจำเป็นและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรยังคงมีความสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยสูงสุด

เอกสารอ้างอิง

  1. World Health Organization. Diarrhoeal disease [Internet]. Geneva: World Health Organization; 2023 [cited 2024 Oct 30]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/diarrhoeal-disease.
  2. American College of Gastroenterology. Diarrheal Diseases – Acute and Chronic. [Internet]. 2023 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://gi.org/topics/diarrhea-acute-and-chronic/.
  3. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ร้านยาคุณภาพ ขยายดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อยเพิ่มเป็น ‘32 กลุ่มอาการ’ เริ่ม 3 ก.ย.67. [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://www.nhso.go.th/news/4542.
  4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://www.fda.moph.go.th/?op=kwssl&lang=1&skin=s&db=Main&ww=.
  5. Sahi N, Nguyen R, Patel P, et al. Loperamide. [Updated 2024 Feb 28]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2024 Jan-. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK557885/.
  6. Micromedex. Loperamide. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 18] Available from: https://www-micromedexsolutions-com.
  7. Palkar P, Kothari D. bradycardia and syncope in a patient presenting with loperamide abuse. Cureus. 2018; 10(5):e2599.
  8. Matheson AJ, Noble S. Racecadotril. Drugs. 2000; 59(4):829-35; discussion 36-7.
  9. Wang HH, Shieh MJ, Liao KF. A blind, randomized comparison of racecadotril and loperamide for stopping acute diarrhea in adults. World J Gastroenterol. 2005; 11(10): 1540-3.
  10. MIMS. Hidrasec. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www. mims.com/thailand/drug/info/hidrasec.
  11. Dupont C, Vernisse B. Anti-diarrheal effects of diosmectite in the treatment of acute diarrhea in children: a review. Paediatr Drugs. 2009; 11(2):89-99.
  12. Khediri F, Mrad AI, Azzouz M, et al. Efficacy of diosmectite (smecta) in the treatment of acute watery diarrhoea in adults: a multicentre, randomized, double-blind, placebo-controlled, parallel group study. Gastroenterol Res Pract. 2011; 2011:783196.
  13. MIMS. Smecta. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www.mims.com/thailand/drug/info/smecta.
  14. MIMS. Dehecta. [Internet]. 2024 [cited 2024 Nov 6]. Available from: https://www.mims. com/thailand/drug/info/dehecta.
  15. Allen SJ, Martinez EG, Gregorio GV, Dans LF. Probiotics for treating acute infectious diarrhoea. Cochrane Database Syst Rev. 2010; 2010(11):cd003048.
  16. คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ. คู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติ เล่ม 1 ยาระบบทางเดินอาหาร. [อินเทอร์เน็ต]. 2551 [เข้าถึงเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://ndi.fda.moph.go.th/uploads/main_drug_file/20171115142328.pdf.
  17. PATH. Zinc treatment for diarrhea. [Internet]. 2013 [cited 2024 Nov 12]. Available from: https://www.defeatdd.org/wp-content/uploads/archive/zinc-treatment-for-diarrhea.pdf.

คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
ท้องเสีย ท้องเสียเฉียบพลัน ยาหยุดถ่าย loperamide racecadotril dioctahedral smectite zinc
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.5 น้ำตาลตกจากยาเบาหวาน (Hypoglycemia from anti-diabetics)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้