การรับประทานอาหารเช้าช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน

นักวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารเช้าอย่างน้อย 5 วันใน 1 สัปดาห์มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานลดลง โดยในการศึกษานี้เป็นการติดตามผลระยะยาวของการหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้หญิงผิวขาวและผิวดำที่มีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี และยังไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน เริ่มทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 1985-1986 เกี่ยวกับประวัติการสูบบุหรี่, ความดันโลหิต, ระดับโคเลสเตอรอล, พฤติกรรมและสภาพจิตใจ, ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่รับประทาน และจำนวนครั้งที่รับประทานอาหารเช้า ผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมดจะถูกตรวจร่างกายตามเวลาที่กำหนด ผู้วิจัยได้หาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนครั้งของการรับประทานอาหารเช้ากับการเกิดโรคเบาหวานจากกลุ่มตัวอย่างที่มาตรวจร่างกายเมื่อครบเวลา 7 ปีทั้งสิ้น 3,598 คน มีอายุเฉลี่ย 32 ปี ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 26.7 กก./ตารางเมตร และรับประทานอาหารเช้าเฉลี่ย 4 วันต่อสัปดาห์ พบว่า การรับประทานอาหารเช้าใน 1 สัปดาห์จะลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานลง 5% ต่อ 1 วันที่มีการรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น (HR 0.95, 95%CI 0.91-0.99) และผู้ที่รับประทานอาหารเช้าอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานลดลง 31% เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารเช้าไม่เกิน 3 วันต่อสัปดาห์ (HR 0.69, 95%CI 0.54-0.88) และมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่า (P=0.01) และเมื่อวิเคราะห์โดยไม่คำนึงถึงค่าดัชนีมวลกายของผู้เข้าร่วมวิจัยพบว่าความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญ (HR 0.86, 95%CI 0.68-1.10) นั่นคือ ค่าดัชนีมวลกายอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ดังกล่าวด้วย