ไขปริศนา น้องหมาท้องเสียควรให้กินโยเกิร์ตหรือไม่
|
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สพ.ญ.นรรฆวี แสงกลับ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
| 7,487 ครั้ง เมื่อ 1 ช.ม.ที่แล้ว | |
| 2024-07-16 |
พูดถึงเรื่องสุนัขท้องเสียแล้วเชื่อว่าเป็นปัญหาที่เจ้าของสุนัขหลายท่านน่าจะพบได้บ่อย แม้ว่าภาวะท้องเสียเป็นอาการผิดปกติที่สามารถพบได้ไม่ยาก แต่การดูแลน้องหมาที่มีอาการท้องเสียเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างมาก เนื่องจากการท้องเสียอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและสารอาหารสำคัญได้ โดยในปัจจุบันมีความเชื่อว่าการให้โยเกิร์ตกับสุนัขสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียในสุนัขได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนสงสัยว่าช่วยได้จริงหรือไม่ ดังนั้นบทความนี้จะพาเจ้าของสุนัขทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของการให้โยเกิร์ตในน้องหมาท้องเสียว่ามีอะไรบ้างและข้อแนะนำที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม และโพรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร การให้โยเกิร์ตแก่สุนัขจึงสามารถเป็นทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มสารอาหารและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงได้ แต่อย่างไรก็ดีก็การให้โยเกิร์ตในสุนัขนั้นมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้
1. ปัญหาเรื่องการย่อยแลคโตส สุนัขบางตัวอาจมีภาวะไม่ทนต่อแลคโตส (lactose intolerance) ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียน ดังนั้นควรเริ่มให้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น อาเจียน ท้องเสีย หากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบหยุดให้ในทันที
2. อาจมีสารให้ความหวานที่เป็นอันตรายต่อสุนัข โยเกิร์ตบางชนิดอาจมีการเติมสารให้ความหวาน เช่น ไซลิทอล (xylitol) ซึ่งเป็นสารพิษต่อสุนัข ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้โยเกิร์ตที่มีสารเหล่านี้โดยเด็ดขาด
3. มีไขมันและแคลอรี่สูง โยเกิร์ตบางชนิดมีปริมาณไขมันและแคลอรี่ที่สูง การให้สุนัขกินโยเกิร์ตมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักของสุนัขเพิ่มขึ้นและเกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
จากข้อควรระวังข้างต้น โดยสรุปแล้วสุนัขที่มีภาวะท้องเสียนั้นไม่ควรให้กินโยเกิร์ต เนื่องจาก การให้โยเกิร์ตอาจจะทำให้อาการท้องเสียแย่ลงโดยเฉพาะในสุนัขกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องการย่อยน้ำตาลแลคโตส รวมไปถึงการหวังผลของปริมาณโพรไบโอติกส์ให้ช่วยปรับสมดุลในลำไส้นั้นอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเมื่อเทียบกับปริมาณไขมัน น้ำตาล และแคลอรี่ที่สุนัขจะได้รับมากเกินไป หากเจ้าของต้องการเพิ่มปริมาณโพรไบโอติกส์เพื่อปรับสมดุลของลำไส้และระบบทางเดินอาหาร สัตวแพทย์แนะนำให้เจ้าของสุนัขเลือกให้ผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์สำหรับสุนัขโดยเฉพาะจะมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้อย่าลืมดูแลสุนัขที่มีอาการท้องเสียเบื้องต้นด้วยการเตรียมน้ำสะอาดให้ดื่มอยู่เสมอและหมั่นสังเกตอาการ หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง หรือมีอาการแย่ลง เช่น มีภาวะอาเจียนร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยทันที
|
โรคไขมันพอกตับ : ยาที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับและยาที่ใช้รักษา 1 วินาทีที่แล้ว |
|
ลดความอ้วนและไขมันในเลือดสูงด้วยผักพื้นบ้านไทย 1 วินาทีที่แล้ว |
|
ทรามาดอล (Tramadol) เหยื่อของการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด 1 วินาทีที่แล้ว |
|
การพัฒนาอนุภาคนาโนและระบบนำส่ง ตอนที่ 3 1 วินาทีที่แล้ว |
|
ความรู้ทั่วไปเรื่องยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 7 วินาทีที่แล้ว |
|
NAD+ ทางเลือกใหม่ในการชะลอวัย 9 วินาทีที่แล้ว |
|
ช็อกโกแลต จากโกโก้สู่สัญลักษณ์ในวันวาเลนไทน์ 11 วินาทีที่แล้ว |
|
ท้องผูกและการใช้ยาระบาย 1 นาทีที่แล้ว |
|
กัญชากับการรักษาโรค 1 นาทีที่แล้ว |
|
การฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า: คุณสมบัติที่ดีของสารไฮยาลูรอนิคที่ฉีดเข้าไปในช่องว่างระหว่างข้อ 1 นาทีที่แล้ว |
|
|
ที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานภายในคณะฯ
HTML5 Bootstrap Font Awesome