Eng |
อาจารย์ ดร. ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน
ภาควิชาเภสัชวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล
ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 คืออะไร ?
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมรุ่นใหม่ที่ประกอบด้วยตัวยาสำคัญ คือ ฮอร์โมนกลุ่ม estrogen และ progestin ประกอบอยู่ในยาเม็ดเดียวกันจำนวน 24 เม็ด ร่วมกับยาเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมนอีก 4 เม็ด ที่เรียกว่าแบบ 24+4 หรือ 24/4 ปัจจุบัน ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 ที่มีใช้ในประเทศไทย จะใช้ฮอร์โมนกลุ่ม progestin คือ drospirenone (ดรอสไพรีโนน) หรือ gestodene (เจสโตดีน) ร่วมกับ ethinyl estradiol ที่เป็นฮอร์โมนกลุ่ม estrogen ยาคุมรูปแบบนี้จะมีปริมาณฮอร์โมนที่ต่ำมาก อีกทั้งมีช่วงปลอดฮอร์โมนระยะสั้นเพียงแค่ 4 วัน ทำให้ความแตกต่างของระดับฮอร์โมนในช่วงที่รับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" และ "เม็ดยาหลอก" ไม่แปรปรวนมาก ส่งผลช่วยลดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (premenstrual syndrome; PMS) เช่น อารมณ์เปรปรวน หงุดหงิด ซึมเศร้า เครียดปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน หรือเจ็บคัดตึงเต้านม และลดปัญหาประจำเดือนมามากผิดปกติ
ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 แตกต่างและดีกว่าสูตรเดิมอย่างไร ?
ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 เป็นการพัฒนาสูตรยาเม็ดคุมกำเนิดจากสูตร 21+7 (มียาเม็ดฮอร์โมน 21 เม็ด และยาหลอก 7 เม็ด) เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยลดปริมาณฮอร์โมน estrogen จากเดิมสูตร 21+7 ซึ่งมี 35 ไมโครกรัม เป็น 20 ไมโครกรัม นอกจากนี้ก็มีการพัฒนาฮอร์โมน progestogen ตัวใหม่ ที่ช่วยลดผลข้างเคียงของฮอร์โมน progestogen และมีประโยชน์ต่อสุขภาพนอกเหนือจากการคุมกำเนิด ได้แก่ ลดการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ การลดการเกิดสิว หน้ามัน ขนดก ลดอัตราความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ รวมไปถึงภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน การรักษากลุ่มอาการ polycystic ovarian syndrome รวมทั้งการลดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ดังนั้น องค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกจึงได้อนุญาตให้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดตัวใหม่นี้ ในการรักษากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่มีอาการทางร่างกายและอาการทางด้านอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า ที่เรียกว่า premenstrual dysphoric disorder (PMDD) รวมถึงการใช้ในการรักษาสิว
ข้อได้เปรียบของยาคุมกำเนิดสูตร 24+4
ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 ที่มีในประเทศไทยในปัจจุบัน
ชื่อผลิตภัณฑ์ | ชนิดของ estrogen และปริมาณต่อเม็ด | ชนิดของ progestin และปริมาณต่อเม็ด |
มินิดอช (Minidoz) | Ethinyl estradiol 0.015 mcg | Gestodene 60 mcg |
ไมนอช (Minoz) | Ethinyl estradiol 0.015 mcg | Gestodene 60 mcg |
ยาส (Yaz) | Ethinyl estradiol 0.020 mcg | Drospirenone 3 mg |
ชินโฟเนีย (Synfonia) | Ethinyl estradiol 0.020 mcg | Drospirenone 3 mg |
เฮอร์ซ (Herz) | Ethinyl estradiol 0.020 mcg | Drospirenone 3 mg |
ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4 ประโยชน์ที่มากกว่าการคุมกำเนิด ?
1. ลดอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์จากฮอร์โมน
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมน Estrogen ต่ำที่สุด จึงช่วย ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ บวมน้ำ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อาการคัดตึงเต้านม การเกิดฝ้า ความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ
2.ลดอาการก่อนมีประจำเดือน (premenstrual syndrome: PMS) และอาการผิดปกติทางอารมณ์อย่างรุนแรง (premenstrual dysphoric disorder: PMDD)
ด้วยการพัฒนาสูตรของยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 24+4 ที่ช่วยแก้ปัญหาความผันผวน ไม่คงที่ของฮอร์โมนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21+7 มีช่วง วันที่ไม่ได้รับฮอร์โมนยาวถึง 7 วัน ทำให้ระดับฮอร์โมนมีความแปรปรวนแตกต่าง กันอย่างมากในช่วงที่ได้รับฮอร์โมนและช่วงที่ไม่ได้รับฮอร์โมน อาจทำให้เกิด กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น หงุดหงิด โมโหง่าย ปวดศีรษะ ครียด ซึมเศร้า ปวดตึงเต้านม ตัวบวม และ น้ำหนักตัวเพิ่มวมน้ำ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
3.ลดปัญหาเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ และ ลดภาวะซีดจากการเสียเลือด
เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือนมามากและมาจำนวนหลาวัน อาจทำให้เกิด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย วูบหมดสติ การเสียเลือดอย่างฉับพลันนี้เป็น 1 ในสาเหตุของการเกิดภาวะซีดหรือโลหิตจาง การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 24+4 ชนิดฮอร์โมนต่ำมาก (uItra-low-dose) EE 15 ไมโครกรัม ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับการมีประจำเดือน จึงเป็นประโยชน์ในผู้ที่มีปัญหาประจำเดือนมามากกว่าปกติ รวมทั้งอาการปวด ประจำเดือนรุนแรง หรือมีภาวะซีดร่วมกับการมีประจำเดือนด้วย
ใครเหมาะสำหรับยาคุมกำเนิดสูตร 24+4
วิธีกินยาคุมกำเนิดสูตร 24+4
ข้อห้ามโดยเด็ดขาด (absolute contraindications) ในการใช้ยาคุมกำเนิดสูตร 24+4
จะเห็นได้ว่าการใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีสามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หรือ HIV/AIDS การใช้วิธีการป้องกันเชิงรุก เช่น การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีขึ้น