ต้อหิน เป็นสาเหตุอันดับที่ 2 ของการสูญเสียการมองเห็น รองจากต้อกระจกในระดับโลก องค์การอนามัยโลกประมาณว่า 7.7 ล้านคนทั่วโลก มีปัญหาต้อหินที่รุนแรงปานกลางจนถึงขั้นประสบปัญหาตาบอด
ต้อหิน เป็นกลุ่มโรคมีความผิดปกติของขั้วประสาทตา ส่วนใหญ่เกิดจากไหลเวียนน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาที่ผิดปกติ ทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้น จนมีการทำลายไปที่ขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียลานสายตาแบบถาวร ในบางกรณีต้อหินสามารถเกิดในผู้ที่มีความดันลูกตาปกติได้ การวินิจฉัยจึงไม่ได้มีเพียงการตรวจวัดความดันตาเท่านั้น ยังต้องมีการตรวจอื่น ๆ เช่น ลานสายตา ความหนาของกระจกตา การตรวจขั้วประสาทตา และการตรวจพิเศษของจักษุแพทย์ร่วมด้วย
ภาพจาก :
https://marvel-b1-cdn.bc0a.com/f00000000038905/www.aao.org/full/image.axd?id=ae6b7efb-c013-40b0-8c7b-fe8232bebc11&t=636789918580000000
อาการของต้อหินขึ้นอยู่กับประเภทของต้อหินโดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ต้อหินมุมเปิด การดำเนินของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป มักสังเกตอาการได้ยากในระยะแรก และไม่พบอาการผิดปกติทางสายตารูปแบบอื่นนอกจากตามัว ซึ่งอาการตามัวของต้อหินชนิดนี้ จะมัวจากลานสายรอบนอก และมัวเข้าในเรื่อย ๆ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อลานสายตาแคบลงจนกระทบชีวิตประจำวัน เช่น เดินชนสิ่งของด้านข้างบ่อย ๆ เป็นต้น
- ต้อหินมุมปิด การดำเนินของโรคจะฉับพลันและมีอาการปวดตา ตาแดง ตามัวลงอย่างฉับพลัน บางรายมีอาการปวดศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดต้อหินมีดังนี้
- ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
- เชื้อชาติเอเชีย หรือกลุ่มละติน
- ผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ๆ หรือสายตายาวมาก ๆ
- ผู้ที่มีความดันลูกตาสูงจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
แนวทางการรักษาสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
การรักษาโดยใช้ยา ยาที่ใช้จะหวังผลให้ลดความดันลูกตา ซึ่งรูปแบบยารับประทานจะเป็นยาในกลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors เช่น acetazolamide มักใช้ลดความดันลูกตาในผู้ป่วยต้อหินมุมปิด ทำให้ลดความดันตาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีรูปแบบยาหยอดตา เช่น ยากลุ่ม prostaglandin analogues, beta blockers, alpha-adrenergic agonists และ parasympathomimetics เป็นต้น
การรักษาโดยไม่ใช้ยา ปัจจุบันสามารถรักษาผู้ป่วยโดยการใช้เลเซอร์ และการผ่าตัดเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายน้ำออกจากลูกตาได้ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดมักใช้ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมความดันตาโดยใช้ยาหยอดตาและเลเซอร์แล้ว
สุดท้ายนี้หากมีปัญหาทางสายตา และกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับท่านเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้ยา และอย่าลืมว่า “มีปัญหาเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกรนะครับ”