อาไซอิ หรือ açai หรือ acai มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ (
Euterpe oleracea Mart.) เป็นพืชในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) พบได้มากในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แถบอะเมซอน โดยเฉพาะในประเทศบราซิล ลักษณะต้นอาไซอิเป็นทรงกระบอกสีน้ำตาลเทา สูงได้ถึง 25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ที่ลำต้นมีรอยวงแหวนเป็นระยะๆ ใบเป็นใบประกอบอยู่บริเวณด้านบนของลำต้น ดอกขนาดเล็กสีม่วงน้ำตาล ผลมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร มีเมล็ดเดี่ยวขนาดใหญ่ ผลดิบมีเปลือกสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ชาวพื้นเมืองใช้ผลอาซาอิในการทำขนม เครื่องดื่มและไวน์ โดยพบว่าชาวบราซิลบริโภคเครื่องดื่มจากผลอาไซอิถึงวันละ 1 ลิตร (1) ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาผลอาไซอิได้ถูกทำแห้ง บดเป็นผง หรือแยกเนื้อผลออกแช่แข็งแล้วส่งออกเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบต่างๆ เช่น เม็ด แคปซูล เครื่องดื่มและผงชงดื่ม รวมทั้งพัฒนาเป็นเครื่องสำอาง เช่น ครีม โลชั่น เจล ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น (2) ส่วนในประเทศไทย ก็เริ่มมีการนำผลอาไซอิมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆแล้วเช่นกัน
คุณค่าทางอาหารของเนื้อผลอาไซอิพบว่าประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก นอกนั้นคือโปรตีน และไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคาร์โบไฮเดรตในเนื้อผลอาไซอิจะเป็นใยอาหาร (3, 4) กรดไขมันที่พบในเนื้อผลอาไซอิส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก (oleaic acid) (5) นอกจากนี้ในผลอาไซอิยังประกอบด้วยสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (anthocyanins) เช่น cyanidin-3-glucoside และ cyaniding-3-rutinoside รวมทั้งสารฟินอลิกและฟลาโวนอยด์อื่นๆ เช่น quercetin, vitexin, catechin, epicatechin, ferulic acid, vanillic acid และ oligomeric procyanidins (6-8)
การศึกษาฤทธิ์ต้านออกซิเดชันในหลอดทดลองของเนื้อผลอาไซอิโดยใช้วิธีการทดสอบต่างๆ เช่นการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH และอนุมูล peroxyl และการทดสอบโดยวิธี ORAC (9-11) และต้านอักเสบทั้งในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง (11, 12) การให้เนื้อผลอาไซอิ ในขนาด 200 กรัมต่อวัน (มีปริมาณฟีนอลิกรวม 131 มิลลิกรัม gallic acid equivalent ต่อเนื้อผล 100 กรัม) ในหญิงสุขภาพดีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ catalase, เพิ่มความสามารถในการต้านออกซิเดชัน และลดการสร้างอนุมูลอิสระ(2) ในการศึกษาทางคลินิก (แบบ pilot study and small randomized, double-blind, placebo-controlled, crossover study) พบว่าการบริโภคผลอาไซอิปั่นกับน้ำเบอร์รี่ มีผลเพิ่มระดับสารต้านออกซิเดชันในซีรัม ปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากการออกซิเดชัน ลดการเกิดอนุมูลอิสระ และลดการสร้าง pro-inflammatory cytokines และ chemokines (13) การให้เครื่องดื่มอาไซอิขนาด 7 มิลลิลิตรต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว ในคนสุขภาพดี พบว่า หลังจากบริโภคไปแล้ว 12 ชั่วโมง ความสามารถในการต้านออกซิเดชันในพลาสมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (14) โดยพบว่าการบริโภคเนื้อผลอาไซอิจะมีระดับของสารแอนโทไซยานินในเลือดสูงกว่าการบริโภคน้ำอาไซอิ สอดคล้องกับความสามารถในการต้านออกซิเดชันในเลือดที่สูงกว่า (13) ซึ่งฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่สูงของอาไซอินั้นเป็นผลมาจากการมีสารกลุ่มฟินอลิกและฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะสารกลุ่มแอนโทไซยานินในปริมาณที่สูงนั่นเอง (5) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของอาไซอิหลายผลิตภัณฑ์ มีการอวดอ้างสรรพคุณว่าช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัตินี้ของอาไซอิอย่างชัดเจน มีการศึกษาถึงผลของอาไซอิต่อ metabolic parameter ในคนที่มีน้ำหนักเกิน (ค่า BMI มากกว่า 25 แต่ไม่เกิน 30) โดยให้รับประทานผลอาไซอิวันละ 200 กรัม เป็นเวลา 1 เดือน พบว่ามีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับอินซูลิน และระดับคอเลสเตอรอลรวม โดยไม่มีผลต่อความดันโลหิต (15)
ในขณะนี้ ยังไม่พบรายงานการควบคุมคุณภาพหรือสารสกัดมาตรฐานของผลอาไซอิ (5) แม้ว่าไม่พบความเป็นพิษเฉียบพลันเมื่อให้อาไซอิขนาด 2 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวในสัตว์ทดลอง (3) แต่ควรระวังการเกิดภาวะภูมิแพ้ (allergy) หรือภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ในผู้บริโภคบางคนที่มีอาการต่อพืชในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) (5) นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ยาลดไขมันในเลือด ยาลดน้ำตาลในเลือด หรืออินซูลิน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนบริโภคผลิตภัณฑ์จากอาไซอิ เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยา รวมทั้งสตรีตั้งครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์จากอาไซอิ เนื่องจากยังไม่มีรายงานความปลอดภัยในผู้บริโภคกลุ่มนี้