หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

-ในคนไข้ที่มีอาการไอมีเสมหะ เช่นไข้หวัด การให้ยากดการไอ เช่นdextro / codeine เป็นการทำให้ลดการขับเสมหะลดลง เป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ มีความเห็นจากแพทย์ที่ใช้งานจริงว่าการที่เราเชื่อว่ามันกดการไอจนขับเสมหะไม่ได้ เป็นแค่ทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติแพทย์บางส่วนเห็นว่าไม่ได้เกิดการกดการไอขนาดจะไม่ขับเสมหะออกมาและยังช่วยลดอาการได้ แต่พบว่า textbook และที่สอนก็ไม่ได้แนะนำให้ใช้ รวมถึง ไม่ควรใช้คู่กับยาละลายเสมหะ หรือ ขับเสมหะหรือไม่ เพราะกลไกตรงข้ามกันเอง ดังนั้นยาผสม expectorant + cough suppressant อาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่ เพราะเป็นยาผสมที่ผลตรงข้ามกันอันนึงกด อันนึงขับ -แต่มีความเห็นว่าหากใช้ช่วงก่อนนอน หรือเป็นครั้ง ๆในจังหวัดที่ไอมากไม่ไหวจริง ๆ อาจจะใช้ได้ ทั้งนี้ evidence ปัจจุบันไม่ชัดเจนเลยครับ ทำให้มีการถกเถียงกันมากและเป็นเรื่อง common มาก ๆครับ

ถามโดย anonymous เผยแพร่ตั้งแต่ 26/09/2025-09:50:42 -- 622 views
 

คำตอบ

ยาแก้ไอแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ยาขับเสมหะ (expectorants) เช่น guaifenesin 2) ยาละลายเสมหะ (mucolytics) เช่น bromhexine, ambroxol และ 3) ยากดการไอ (antitussives) เช่น dextromethorphan, codeine โดยแนวทางเวชปฏิบัติทั่วไปมักไม่แนะนำการใช้ antitussives สำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ หรืออาการไอจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (upper respiratory infection; URI) เช่น ไข้หวัด เนื่องจากเสมหะที่เหนียวข้นอยู่แล้วจะถูกขับออกมาจากทางเดินหายใจได้ยากขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการยังไม่ชัดเจนอีกด้วย ทั้งนี้พยาธิสรีรวิทยาของการไอในไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและนำไปสู่การอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ กระบวนการอักเสบนี้ทำให้เกิดการหลั่ง inflammatory mediators หลากหลายชนิด เช่น cytokine และ bradykinin เป็นต้น สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ปลายประสาทรับความรู้สึก (afferent nerve endings) ที่กระจายตัวอยู่หนาแน่นบริเวณลำคอ เกิดภาวะที่เรียกว่า cough hypersensitivity ซึ่งทำให้เส้นประสาทเหล่านี้ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้ไวกว่าปกติอย่างมาก สัญญาณประสาทที่ถูกกระตุ้นจะผ่าน vagus nerve ไปยังศูนย์ควบคุมการไอในก้านสมอง ซึ่งควบคุมการไอแบบ reflex นอกจากนี้สัญญาณยังถูกส่งต่อไปยัง cerebral cortex ทำให้เกิดการรับรู้เป็นความรู้สึกอยากไอ (urge-to-cough; UTC) ซึ่งเป็นกลไกหลักที่ทำให้เกิดอาการไอส่วนใหญ่ในผู้ป่วยไข้หวัด ดังนั้นการใช้ antitussives ซึ่งออกฤทธิ์หลักที่ก้านสมอง จึงเป็นเพียงการลดสัญญาณที่ถูกส่งไปยัง cerebral cortex ทำให้ไม่สามารถยับยั้งกลไกหลักได้อย่างสมบูรณ์และไม่ได้แก้ไขภาวะ hypersensitivity โดยตรง ยากลุ่มนี้จึงไม่ทำให้กดการไอจนขับเสมหะไม่ได้ แต่มีผลเพียงลดความถี่ของการไอ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ทางคลินิกยังมีความขัดแย้งกัน โดยงานวิจัยบางชิ้นพบว่า antitussives ช่วยบรรเทาอาการไอได้ดีกว่ายาหลอกเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยอื่น ๆ ที่พบว่าผลไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วน expectorants ทำหน้าที่ลดความหนืดของเสมหะซึ่งเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นหลัก ทำให้การระคายเคืองลดลง และยังมีข้อมูลพบว่าอาจช่วยลดภาวะ cough hypersensitivity ได้อีกด้วย สำหรับการใช้ guaifenesin เพื่อลดสิ่งกระตุ้นหลัก ร่วมกับการใช้ dextromethorphan เพื่อลดความถี่ของการไอ ในทางทฤษฎีจึงอาจให้ผลเสริมฤทธิ์กันในผู้ป่วยที่มีไอที่รุนแรงจนรบกวนคุณภาพชีวิต เนื่องจากเป้าหมายของการรักษาไข้หวัด ไม่ใช่การกำจัดเชื้อไวรัสโดยตรง แต่เป็นการประคับประคองและบรรเทาอาการเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ซึ่งการพักผ่อนมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของร่างกายและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นแม้การใช้ยาสูตรผสมจะยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์คุณภาพสูงรองรับและไม่ได้แนะนำเป็นสากล แต่การพิจารณาใช้ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการไอมากตอนกลางคืน จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกระบวนการรักษาตัวเองของร่างกาย การใช้ antitussives ร่วมกับ expectorants จึงควรพิจารณาเป็นรายบุคคลตามดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้รักษาและความยินยอมของผู้ป่วย

Reference:
1. ธีรัตถ์ เหลืองมั่นคง. ยาแก้ไอ มีกี่แบบ? [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2557 [เข้าถึงเมื่อ 29 ก.ย. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/

article/169/ยาแก้ไอ-มีกี่แบบ/.

2. Irwin RS, Baumann MH, Bolser DC, et al. Diagnosis and management of cough executive summary: ACCP evidence-based clinical practice guidelines. Chest. 2006;129(1 Suppl):1S-23S. doi:10.1378/chest.129.1_suppl.1S.

3. Murgia V, Manti S, Licari A, et al. Upper respiratory tract infection-associated acute cough and the urge to cough: New insights for clinical practice. Pediatr Allergy Immunol Pulmonol. 2020;33(1):3-11. doi:10.1089/ped.2019.1135.

4. Dicpinigaitis PV. Effect of viral upper respiratory tract infection on cough reflex sensitivity. J Thorac Dis. 2014;6(Suppl 7):S708-S711. doi:10.3978/j.issn.2072-1439.2013.12.02.

5. Smith SM, Schroeder K, Fahey T. Over-the-counter (OTC) medications for acute cough in children and adults in community settings. Cochrane Database Syst Rev. 2014;2014(11):CD001831. doi: 10.1002/14651858.CD001831.

6. Dicpinigaitis PV, Gayle YE. Effect of guaifenesin on cough reflex sensitivity. Chest. 2003;124(6):2178-81. doi: 10.1378/chest.124.6.2178.

Keywords:
ยาแก้ไอ, ไข้หวัด





ทางเดินหายใจและหูตาคอจมูก

ดูคำถามทั้งหมด
 
ข่าวยาประจำสัปดาห์ล่าสุด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้