หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

Rivaroxaban กับการลดภาวะแทรกซ้อนจาก portal hypertension

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน ตุลาคม ปี 2568 -- อ่านแล้ว 204 ครั้ง
 
Rivaroxaban เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม direct oral anticoagulants (DOACs) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง factor Xa ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการเกิดลิ่มเลือด มีข้อบ่งใช้ในการรักษาหรือป้องกันภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ และป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ล่าสุดมีการศึกษาถึงการใช้ rivaroxaban เพื่อลดผลแทรกซ้อนจากภาวะ portal hypertension (PHT) ในผู้ป่วยโรคตับแข็ง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะท้องมาน (ascites) เลือดออกจากเส้นเลือดขอด (variceal bleeding) และโรคสมองจากตับ (hepatic encephalopathy) เป็นต้น โดยการเกิด PHT มาจากความต้านทานการไหลเวียนของเลือดในตับที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยการกระตุ้นของ factor Xa และ thrombin ต่อเซลล์ในตับชนิดหนึ่งชื่อว่า hepatic stellate cells ให้สร้างพังผืดและลิ่มเลือดขนาดเล็กในตับ (microthrombosis) ดังนั้นการยับยั้ง factor Xa โดย rivaroxaban จึงอาจลดความต้านทานการไหลเวียนของเลือดในตับ และลดภาวะแทรกซ้อนที่ตามมาได้

การศึกษาแบบสุ่มมีกลุ่มควบคุมโดย Puente และคณะ (2025) ในประเทศสเปน ทำการติดตามผู้ป่วยโรคตับแข็งที่มี PHT และมีการทำงานของตับระดับปานกลาง 90 ราย โดยสุ่มให้ได้รับ rivaroxaban 10 มก./วัน หรือยาหลอก เป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน เพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อนจาก PHT โดยมี primary combined endpoint คือ ระยะเวลาจนถึงการเกิดหนึ่งในเหตุการณ์ต่อไปนี้ ได้แก่ ภาวะท้องมานใหม่หรือรุนแรงขึ้น มีเลือดออกในทางเดินอาหารจาก PHT ครั้งแรกหรือเกิดซ้ำ โรคสมองจากตับที่มีอาการชัดเจน เสียชีวิต ลิ่มเลือดในหลอดเลือด portal มะเร็งตับ หรือการปลูกถ่ายตับ โดยผลการศึกษาพบว่ากลุ่ม rivaroxaban มีอัตราการเกิดเหตุการณ์รวมต่ำกว่ากลุ่มยาหลอก (26.8% เทียบกับ 46.9%) และมีอัตราการรอดชีวิตเมื่อผ่านไป 1 ปี และ 2 ปี สูงกว่าอย่างชัดเจน (78.7% เทียบกับ 54.4% และ 67.1% เทียบกับ 43.0% ตามลำดับ) โดยความเสี่ยงต่อ primary combined endpoint ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (adjusted hazard ratio (HR)=0.418; 95% CI: 0.204-0.858) เช่นเดียวกันกับการวิเคราะห์ย่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่มี Child–Pugh B=7 (HR=0.258; 95% CI: 0.074-0.900)

แม้ว่าผลการศึกษาจะชี้ถึงศักยภาพของ rivaroxaban ในการลดภาวะแทรกซ้อนของ PHT แต่ก็พบว่า กลุ่มที่ได้รับ rivaroxaban มีอัตราการเกิดภาวะเลือดออกที่ไม่เกี่ยวข้องกับ PHT สูงกว่ากลุ่มยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ (relative risk=2.56; 95% CI: 1.16-5.67) แม้จะไม่พบความแตกต่างในเหตุการณ์เลือดออกที่รุนแรง (major bleeding) ทั้งนี้ผู้วิจัยระบุว่าเนื่องจากไม่มีค่าพารามิเตอร์ทางคลินิกหรือค่าชีวเคมีที่สามารถพยากรณ์ระดับยาในเลือด จึงเสนอให้มีการเฝ้าระวังระดับยาในเลือดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของภาวะเลือดออก

เอกสารอ้างอิง

1. American Society of Health-System Pharmacists. Rivaroxaban monograph [Internet]. Drugs.com; 2025 Jun 10 [cited 2025 Jul 29]. Available from: https://www.drugs.com/monograph/rivaroxaban.html.

2. Micromedex. Rivaroxaban. In: Micromedex [Internet]. [cited 2025 Aug 1]. Available from: https://www.micromedexsolutions.com/.

3. Oliver TI, Sharma B, John S. Portal Hypertension [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 Jan [updated 2023 Apr 7; cited 2025 Aug 1]. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK507718/.

4. Vilaseca M, García-Calderó H, Lafoz E, García-Irigoyen O, Avila MA, Reverter JC, et al. The anticoagulant rivaroxaban lowers portal hypertension in cirrhotic rats mainly by deactivating hepatic stellate cells. Hepatology. 2017 Jun;65(6):2031-44.

5. Puente Á, Turón F, Martínez J, Fortea JI, Guerra MH, Alvarado E, et al. Rivaroxaban to prevent complications of portal hypertension in cirrhosis: The CIRROXABAN study. J Hepatol. 2025 Jul 19:S0168-8278(25)02336-0.


คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
rivaroxaban portal hypertension โรคตับแข็ง
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.11 การเก็บรักษาปากกาอินซูลิน (Storage of insulin pens)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้