ผลของ a-tocopherol ในผู้ป่วยหญิงที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน ธันวาคม ปี 2548 -- อ่านแล้ว 2,335 ครั้ง
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของ oxidative stress เนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการสร้าง superoxide free radical มากขึ้น จนเกิดกระบวนการ lipoperoxidation ได้
-tocopherol เป็น scavenger ของ superoxide และ peroxyl radical และมีความสำคัญต่อการยับยั้ง lipoperoxidation ซึ่งในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีระดับ a-tocopherol ต่ำกว่าคนปกติ และ a-tocopherol ส่งผลต่อการควบคุมระบบเผาผลาญในโรคเบาหวาน เพราะเกี่ยวข้องกับ lipid oxidation, protein glycation และ insulin sensitivity จึงมีการประเมินผลของการเสริม a-tocopherol ในผู้ป่วยหญิงอายุ 40-70 ปีที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มาเป็นเวลานานไม่เกิน 14 ปี จำนวน 34 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับยาหลอกจำนวน 21 คน และกลุ่มที่ได้รับ a-tocopherol เสริมในขนาด 400 IU วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น จำนวน 13 คน เป็นเวลานาน 6 สัปดาห์ ประเมินผลโดยวิเคราะห์เลือดก่อนและหลังการใช้ยา พบว่าค่า glycemia, glycated hemoglobin, urea, creatinine, uric acid, HDL และ serum-malondialdehyde ทั้งก่อนและหลังการใช้ยาของกลุ่มที่ได้รับ a-tocopherol กับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกไม่แตกต่างกัน แต่มีระดับ malondialdehyde ที่สร้างจาก erythrocyte และ Cu-Zn superoxide dismutase activity ลดลง รวมทั้งระดับ antioxidant status และ cholesterol ในกลุ่มที่ได้รับ a-tocopherol ยังสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของ selenium dependent-glutathione peroxidase enzyme จากการศึกษานี้สรุปได้ว่า การให้ a-tocopherol เสริมในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ชนิดปานกลางถึงรุนแรง จะมีประโยชน์ในการเป็น antioxidant โดยมีผลต่อการเพิ่มความต้านทานต่อ hydrogen peroxide ที่ก่อให้เกิด lipoperoxidation และเพิ่ม serum-total antioxidant status แต่ไม่มีผลต่อการควบคุมการเผาผลาญภายในร่างกาย เช่น การควบคุมน้ำตาล หรือการเผาผลาญไขมัน