Rivaroxaban ยาเม็ดขนาด 15 และ 20 มิลลิกรัม…ย้ำเตือนให้รับประทานพร้อมอาหาร
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน กรกฎาคม ปี 2562 -- อ่านแล้ว 30,566 ครั้ง
Rivaroxaban เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยากันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant) ชนิดรับประทาน อยู่ในกลุ่ม direct factor Xa inhibitors ออกฤทธิ์ยับยั้ง coagulation factor Xa เช่นเดียวกันกับ apixaban, edoxaban และ betrixaban (ยาใหม่ที่วางจำหน่ายในบางประเทศ) ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด (thromboprophylaxis) rivaroxaban มีข้อบ่งใช้สำหรับป้องกัน venous thromboembolism ภายหลังการผ่าตัดหรือการทำศัลยกรรมเปลี่ยนสะโพกหรือเข่า, ป้องกันภาวะ stroke และ systemic embolism ในผู้ป่วย non-valvular atrial fibrillation, ป้องกันและรักษา deep vein thrombosis, ป้องกันและรักษา pulmonary embolism, ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดโดยให้ร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelets) ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดโคโรนารี หรือผู้ที่มีอาการของหลอดเลือดแดงอื่นที่เสี่ยงต่อการขาดเลือดเฉพาะที่ ข้อบ่งใช้ในแต่ละประเทศอาจระบุแตกต่างกัน
ในเอกสารที่เป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์ยาเม็ด rivaroxaban (Xarelto) ระบุว่า rivaroxaban ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้เร็ว ในขนาดยาที่ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมมี bioavailability ประมาณ 100% ถ้าขนาดสูงกว่านี้การดูดซึมยาลดลง ซึ่งยาเม็ดขนาด 20 มิลลิกรัม หากรับประทานขณะท้องว่างมี bioavailability เพียง 66% แต่ถ้ารับประทานพร้อมอาหาร (high-fat, high-calorie meal) ปริมาณยาในร่างกายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39% ซึ่งแสดงว่าการดูดซึมยาเกือบสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้หากเป็นยาเม็ดขนาด 2.5 (มีในบางประเทศ) และ 10 มิลลิกรัม จะรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นยาเม็ดขนาด 15 และ 20 มิลลิกรัม ให้รับประทานพร้อมอาหาร นอกจากนี้การดูดซึมยายังขึ้นกับตำแหน่งที่สัมผัสยา กรณีที่ให้ยาทางสายอาหารที่สอดผ่านรูจมูก (nasogastric tube หรือ NG tube) ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยยาลงสู่ปลายกระเพาะอาหาร เพราะการดูดซึมยาจะลดลง (กรณีนี้การปลดปล่อยตัวยาจะเกิดที่ลำไส้เล็กส่วนต้น) และภายหลังให้ยาขนาด 15 หรือ 20 มิลลิกรัม ควรรีบให้อาหารตามทันที อย่างไรก็ตามมีการศึกษาในคนญี่ปุ่นพบว่าการให้ยาผ่านสายอาหารทางหน้าท้อง (percutaneous endoscopic gastrostomy tube หรือ PEG tube) ระดับยาในร่างกายต่ำกว่าการรับประทานยาทั้งเม็ดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดการสูญเสียยาขณะบด ขณะเทยา หรือช่วงที่ยาผ่านสายให้อาหาร ดังนั้นควรต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อมูลจากหน่วยงาน Medicines and Healthcare products Regulatory Agency (MHRA) ในสหราชอาณาจักรที่ได้รับรายงาน (แต่มีจำนวนไม่มากนัก) ถึงการเกิดภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือด (thromboembolic events) ในผู้ที่รับประทาน rivaroxaban ชนิดเม็ดขนาด 15 และ 20 มิลลิกรัม คาดว่าเกิดจากยาให้ผลในการรักษาไม่เพียงพอเนื่องจากผู้ป่วยอาจรับประทานยาขณะท้องว่าง ด้วยเหตุนี้จึงให้มีการปรับปรุงข้อมูลในเอกสารสำหรับผู้ป่วย (patient information leaflet) กรณีที่เป็น rivaroxaban ขนาด 15 และ 20 มิลลิกรัม โดยให้เน้นว่าต้องรับประทานยาพร้อมอาหารและกลืนยาพร้อมน้ำเปล่า สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ขอให้ย้ำเตือนผู้ป่วยถึงการรับประทานยาดังกล่าวพร้อมอาหารด้วยเช่นกัน ผู้ที่กลืนยายาก สามารถบดยาและผสมน้ำหรือแอปเปิลบด (apple puree ซึ่งกรณีนี้เป็นข้อแนะนำในสหราชอาณาจักร) ทันทีก่อนรับประทาน และให้รับประทานยาหลังอาหารทันที ส่วนยาเม็ดขนาด 2.5 และ 10 มิลลิกรัม จะรับประทานพร้อมกับอาหารหรือไม่ก็ได้
อ้างอิงจาก:
(1) Rivaroxaban (Xarelto): reminder that 15 mg and 20 mg tablets should be taken with food. Drug Safety Update volume 12, issue 12: July 2019: 3; (2) Rivaroxaban (Xarelto). Product monograph. https://www.bayer.ca/omr/online/xarelto-pm-en.pdf; (3) Byrne R, Brown A, Patel JP, Czuprynska J, Roberts LN, Patel RK et al. Sub therapeutic rivaroxaban plasma concentrations following administration via percutaneous endoscopic gastrostomy (PEG) feeding tubes - a note of caution. Thromb Res 2018;168:102-3.
คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
rivaroxaban
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยากันเลือดเป็นลิ่ม
anticoagulant
direct factor Xa inhibitors
coagulation factor Xa
apixaban
betrixaban
edoxaban
venous thromboembolism
การทำศัลยกรรมเปลี่ยนสะโพกหรือเข่า
systemic embolism
non-valvular a