![]() |
หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยในปี พ.ศ. 2563 พบผู้ป่วยโรคหนองใน จำนวน 82 ล้านคน จาก 374 ล้านคน ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ทั่วโลก ซึ่งกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 15-24 ปี โรคนี้สามารถพบได้ทั้งในเพศชายและหญิง และแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ หนองในแท้และหนองในเทียม โรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอักเสบในอุ้งเชิงกรานหรือภาวะมีบุตรยาก ซึ่งล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาหนองในด้วยยาของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2564 บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเกิดโรคและแนวทางการรักษาหนองในเมื่อเปรียบเทียบกับอดีต
สาเหตุ2 เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “Neisseria gonorrhoeae” ซึ่งแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์จากน้ำอสุจิและน้ำในช่องคลอดเป็นหลัก หรือแพร่จากการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การแพร่จากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารกผ่านการคลอดทางช่องคลอดทำให้เยื่อบุตาเกิดการติดเชื้อได้
อาการ1,2 ในเพศชายร้อยละ 10 และผู้หญิงร้อยละ 50 จะไม่แสดงอาการ ในกรณีที่มีอาการแสดงจะเริ่มแสดงเมื่อได้รับเชื้อไปแล้ว 1-14 วัน ซึ่งอาการแสดงจะแตกต่างกันในแต่ละเพศ คือ
- เพศชาย: พบหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ในบางรายอาจมีลูกอัณฑะอักเสบ หรือเป็นฝีที่บริเวณอวัยวะเพศ
- เพศหญิง: พบตกขาวผิดปกติ ไม่คัน ปากมดลูกอักเสบ หรือมีโรคหนองในเทียมร่วมด้วยหนองที่่ปากมดลูก
นอกจากนี้ยังสามารถพบหนองในแท้ที่เยื่อบุตาได้ โดยมีอาการแสดง เช่น ตาแดงมาก เปลือกตาบวม ปวดตา ตามัวลง มีขี้ตาหรือน้ำหนองไหลออกจากตาตลอดเวลา กดเจ็บที่่ดวงตา ซึ่งสามารถเกิดที่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ในบางรายอาจพบเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว (subconjunctival hemorrhage)
การรักษา1,4 แบ่งเป็น 2 ประเภทตามอวัยวะที่ติดเชื้อ โดยการใช้ยารักษาทั้งแบบใหม่ซึ่งระบุในแนวทางการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 25671 และเดิมซึ่งระบุในแนวทางการดูแลรักษาโรคหนองใน พ.ศ. 25624 คือ
1. หนองในแท้ที่่อวัยวะเพศ คอ และทวารหนัก ทั้งนี้แนะนำให้รักษาหนองในเทียมร่วมด้วย เนื่องจากประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคหนองในมักมีการติดเชื้อหนองในเทียมร่วมด้วย แต่กรณีที่ได้รับ azithromycin ไม่จำเป็นต้องเพิ่มยารักษาโรคหนองในเทียมอีก1,4
|
ใหม่1 |
เดิม4 |
ยาแนะนำ |
ceftriaxone 1 g ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว |
ceftriaxone 500 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว |
ยาทางเลือก |
cefixime 800 mg และ azithromycin 2 g รับประทานครั้งเดียว |
cefixime 400 mg รับประทานครั้งเดียว |
2. หนองในแท้ที่เยื่อบุุตา และเช่นเดียวกับหนองในแท้ที่อวัยวะเพศ คอ และทวารหนัก แนะนำให้การรักษาโรคหนองในเทียมร่วมด้วย นอกจากนี้ยังแนะนำให้้ทำการล้างตาด้วยน้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อบ่อย ๆ เมื่อมีขี้ตาจำนวนมาก หากอาการไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาจักษุแพทย์1,4
|
ใหม่1 |
เดิม4 |
ยาแนะนำ |
ceftriaxone 1 g ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว |
ceftriaxone 1 g ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว |
ประเด็นน่าสนใจอื่น ๆ
- คู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ภายใน 60 วัน ควรได้รับการรักษาเช่นเดียวกับผู้ป่วย1,2
- หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร แนะนำ ceftriaxone 1 g ฉีดเข้ากล้้ามเนื้อครั้งเดียว1
- การติดเชื้อหนองในแท้ในทารกแรกเกิด มักพบที่บริเวณเยื่อบุตาเป็นหลักจากการติดเชื้อทางช่องคลอด ยาที่ใช้รักษา คือ ceftriaxone 25-50 mg/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (ไม่่เกิน 250 mg) ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือให้้ยาทางหลอดเลือดดำครั้งเดียว1
- กรณีพบการติดเชื้อหนองในแท้ในเด็กที่่ไม่่ใช่่ทารกแรกเกิด ควรพิจารณาหรือคำนึงถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้นควรให้เด็กเข้ารับการประเมินและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อสืบสวน รักษา และปกป้องเด็กอย่างเหมาะสม หากเป็นกรณีีถููกล่วงละเมิดทางเพศต้องดำเนินการทางนิติิเวชต่อไป ยาที่ใช้รักษาขึ้นกับบริเวณอวัยวะที่ติดเชื้อและขนาดน้ำหนักตัวของเด็ก1
- ยาที่ใช้รักษาโรคหนองในแท้ที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก และช่องคอในเด็ก คือ ceftriaxone ซึ่งมีขนาดยาแนะนำขึ้นกับน้ำหนักตัว
สาเหตุ3 เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “Chlamydia trachomatis” ซึ่งแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือจากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารกระหว่างการคลอด
อาการ1,3 พบว่าในเพศชายร้อยละ 50 และผู้หญิงร้อยละ 70-80 จะไม่แสดงอาการ ในกรณีที่มีอาการแสดงมักเริ่มขึ้นหลังได้รับเชื้อไปแล้ว 1-3 สัปดาห์ ซึ่งอาการแสดงจะแตกต่างกันไปในแต่ละเพศ
- เพศชาย: ปัสสาวะแสบขัด อาจมีีมูกใสหรือมูกขุ่นที่ท่อปัสสาวะ คันที่่ท่อปัสสาวะ ปวดที่ถุงอัณฑะ ปวดท้องน้อย
- เพศหญิง: ปัสสาวะแสบขัด เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ตกขาวผิดปกติ ปวดท้องน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์
การรักษา1,4 แบ่งการรักษาเป็น 2 ชนิดตามอวัยวะที่ติดเชื้อเหมือนหนองใน ทั้งนี้แนวทางการรักษาล่าสุดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อยเช่นกัน ได้แก่
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อยเช่นกัน ได้แก่
|
ใหม่1 |
เดิม4 |
ยาแนะนำ |
doxycycline 100 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน |
azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว |
ยาทางเลือก |
azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว |
- doxycycline 100 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง นาน 14 วัน
- Roxithromycin 150 mg
- erythromycin stearate 500 mg |
1. หนองในเทียมที่่อวัยวะเพศ คอ และทวารหนัก ในแนวทางการรักษาใหม่ได้เปลี่ยนยาหลักที่แนะนำเป็น doxycycline ส่วนยาทางเลือกเป็น azithromycin เนื่องจาก doxycycline มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อและมีอัตราการรักษาหายสูงกว่า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการดื้อยาต่ำกว่า azithromycin6 ส่วน roxithromycin และ erythromycin ใช้ระยะเวลาในการรักษานานอาจทำให้เกิดความร่วมมือในการใช้ยาต่ำ จึงไม่แนะนำ
2. หนองในเทียมที่เยื่อบุุตา เช่นเดียวกับหนองในเทียมที่่อวัยวะเพศ คอ และทวารหนัก แนะนำให้ใช้ doxycycline เป็นยาหลัก และไม่แนะนำ tetracycline และ erythromycin เนื่องจากระยะเวลาในการรักษานาน อาจทำให้เกิดความร่วมมือในการใช้ยาต่ำ
|
ใหม่1 |
เดิม4 |
ยาแนะนำ |
doxycycline 100 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง นาน 10 วัน |
azithromycin 1 gm รับประทานครั้งเดียว |
ยาทางเลือก |
azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว |
- tetracycline 250 mg
- erythromycin 500 mg
- doxycycline 100 mg |
- คู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ภายใน 60 วัน ควรได้รับการรักษาเช่นเดียวกับผู้ป่วย1,3
- หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร ห้ามใช้้ doxycycline แนะนำให้ใช้ azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว หรือ amoxicillin 500 mg รับประทานวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน1
- เชื้อ Chlamydia trachomatis สามารถทำให้เกิดโรคปอดอักเสบในทารกได้ จึงต้องได้รับยาที่ครอบคลุมทั้งที่ตาและปอด โดยเด็กทารกจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์เฉพาะด้าน
- ยาที่่แนะนำในรักษาการติดเชื้อโรคหนองในเทียมในเด็กที่่ไม่่ใช่่ทารกแรกเกิดซึ่งติดเชื้อบริเวณช่องคลอด อวัยวะเพศ และทวารหนัก ขึ้นกับอายุและขนาดน้ำหนักตัวของเด็ก เช่น erythromycin, azithromycin และ doxycycline1
ผู้ที่ได้รับยาในการรักษาไม่ว่าจะเป็นชนิดใด อาจพบอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดศีรษะ ท้องเสีย ผื่นแพ้ทางผิวหนังได้ หากมีอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปากบวม เป็นต้น ควรหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที
โรคหนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae และ Chlamydia trachomatis ซึ่งสามารถแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอด อาการของโรคอาจไม่ชัดเจนและแตกต่างกันในแต่ละเพศ การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ceftriaxone หรือ doxycycline ขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อ ทั้งนี้การป้องกันการติดเชื้อทำได้โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการรักษาจนครบและอาการหายเป็นปกติ หรืออย่างน้อย 7 วัน หลังเริ่มการรักษาและควรให้คู่นอนได้รับการรักษาพร้อมกัน
![]() |