ศิษย์เก่ารำลึก

บอกเล่าประสบการณ์ผ่านประสบการณ์ตรงของศิษย์เก่าเภสัชมหิดล
   

โดย นภาพร อัชชนียะสกุล - ศิษย์เก่าเภสัชมหิดลรุ่นที่ 9

2266  Views  

“อาจารย์ขา..สวัสดีค่ะ” นี่คือ คำพูดติดปากของ*น้าหลา* พร้อมกับยกสองมือขึ้นประนมไหว้อย่างสวยงาม ทุกครั้งที่เดินสวนกับ อาจารย์ทุกท่านในคณะเภสัชตั้งแต่ปี3-5 คณะเภสัชของเราในสมัยน้าหลาเป็นคณะเล็ก ๆ มีอาจารย์เพียง 80-90 ท่าน นศภ.สามชั้นปี (ปี3-5) รวมแล้วไม่ น่าเกินสามร้อยคน น้าหลาจบเภสัชรุ่น 9 จ้ะ พวกเราหนุ่มหล่อสาวสวย Rx9 เก้าสิบกว่าคน ต้องเรียนที่ตึกกลมคณะวิทย์เมื่ออยู่ปี 1และ2 จากนั้น ต้นเดือนมิถุนายน 2522 เราก็พากันเดินข้ามถนนพระราม 6 เลียบไปตามโรงพยาบาลสงฆ์ซึ่งอยู่บน ถนนศรีอยุธยา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าคณะเภสัชจ้ะ 

ท่านคณบดีคณะเภสัชในขณะนั้นคือ อาจารย์ประดิษฐ์ หุตางกูร หรือ *อ.ดิษฐ์*สำหรับศิษย์อย่างพวกเรา วิชาแรกที่น้าหลาและเพื่อน ๆ ได้เรียนกับท่าน คือ “ฟาร์มโอเลี้ยง” หรือ Pharmacy Orientation และสิ่งที่น้า หลาจดไว้ทั้งในสมุดเลคเชอร์และในสมอง คือประโยคเด็ดที่เล่าขานสืบทอดกันมา.. “From Here We Can Go Everywhere.” ในห้องเลคเชอร์ณ เวลานั้น น้าหลามองเห็นอาจารย์ผู้ใหญ่ซึ่งดูสง่าน่าเกรงขาม อยากบอกหลาน ๆ นศภ. Gen YและZ ว่า น้าหลาเคารพ อ.ดิษฐ์แต่ถ้าจะให้เข้าไปพูดคุยกับท่าน คงต้องขอบายก่อนนะจ๊ะ ยอมรับว่า ทั้ง เคารพทั้งเกรงจ้ะ การใช้ชีวิตสามปีในคณะเภสัช ทำให้น้าหลาค่อย ๆ ซึมซับว่า คณะเภสัชเป็นครอบครัวขนาดใหญ่อาจารย์ เกือบทุกท่านเรียกตนเองว่า“พี่” เพราะรัก(และดุบ้าง) นศภ.เหมือนน้อง และพวกเรามีท่านคณบดีเป็นหัวหน้า ครอบครัว 

 

อ.ดิษฐ์เปรียบเสมือนเป็น *พ่อครู* ของลูกศิษย์เพราะภายใต้ความน่าเกรงขาม ท่านแฝงความใจดีมีอารมณ์ ขัน มีความเมตตา มีความห่วงใย และมีความปรารถนาดีที่พร้อมจะมอบให้ศิษย์ทุกเมื่อ ท่านจึงเป็นทั้งพ่อและ ครูของ นศภ.ทุกคนจ้ะ ในปีการศึกษา 2522 คณะ ฯ ของเรามีเพียงแค่สี่อาคาร อาคารด้านหน้าเป็นห้องเลคเชอร์และมีห้องสมุดอยู่ ชั้นสอง ด้านหลังอาคารนี้มีห้องกระจก ซึ่งใช้เป็นสโมสรนักศึกษา ตั้งแต่เช้าก่อนเข้าเรียน, พักกลางวัน, บ่ายหลังเลิกทำแล็บ ตลอดไปจนถึงเย็นและค่ำ จะเป็นที่แฮงเอาท์ของ นศภ. จ้ะ นอกจากการคุยเจ๊าะแจ๊ะของหนุ่ม สาว บางคนก็มานั่งทำการบ้าน เล่นกีตาร์ร้องเพลง หรือ ช่วยกันติวตอนใกล้สอบ มีหนุ่ม Rx9 บางคนที่มีงานอดิเรกเล่นกีฬาในร่มประเภทรำพัด หนุ่ม ๆ เหล่านี้เป็นคนที่คิดเผื่ออนาคตจ้ะ เพราะเชื่อว่าเป็นการฝึกปรือสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ช่วงเย็น ๆ ก็จับกลุ่มตั้งวงหน้าห้องสโมสรเป็นประจำ เย็นวันหนึ่ง ขณะที่หนุ่ม ๆ ในวงกำลังฝึกสมอง ทุกคนมุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาจดจ้องมุงดูว่า ใครจะเกเท่าไร? มี อาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้าไปร่วมมุงดูอย่างเงียบเชียบ ด้วยความสงสัย อาจารย์จึงสะกิดไหล่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง แล้วถามด้วยเสียงค่อย ๆ ว่า “เล่นยังไง?” ลูกศิษย์ผู้โชคดีคนนั้นกำลังลุ้นหน้าดำหน้าแดง จึงไม่ได้หันหน้ามามองแม้สักนิดว่า ใครนะมาสะกิด เขาตอบสั้น ๆ ว่า “อย่าเพิ่งยุ่ง.. กำลังลุ้นอยู่!” แค่เพียงเดี๋ยวเดียว มีลูกศิษย์รายอื่นหันมามองเห็นอาจารย์เท่านั้นแหละจ้ะ บรรดานักกีฬาในร่มเปลี่ยน ประเภทกีฬา เป็นนักวิ่งเร็วทันทีทุกคนวิ่งกันกระเจิดกระเจิงราวกับฝูงผึ้งแตกรังเลยจ้ะ! น้าหลาเป็นลูกศิษย์ที่โชคดีมาก เพราะตลอดสามปีในคณะเภสัชจนถึงเรียนจบรับปริญญา น้าหลาได้สัมผัสถึง ความเมตตาห่วงใยและความปรารถนาดีจากพ่อครูหลายต่อหลายครั้ง

 

ปีการศึกษา 2522 เมื่อตอนอยู่ปี3 น้าหลาเริ่มขับรถไปเรียนตั้งแต่เช้า และจอดรถอยู่หน้าตึกเก่าที่อยู่ด้านหน้าคณะเป็นประจำ ตกบ่ายวันหนึ่ง หลังทำแล็บเสร็จจะขับกลับบ้าน รถก็เกิดอาการสตาร์ทไม่ติด น้าหลากำลังงงว่า จะทำอย่างไรดีช่างบังเอิญเสีย จริงที่อ.ดิษฐ์เดินผ่านมาเห็นเข้า (ตามปกติน้าหลาจะเห็นท่านเดินรอบ ๆ คณะอยู่บ่อย ๆ จ้ะ) อ.ดิษฐ์จึงบอก ให้น้าหลาเดินไปที่ห้องช่าง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคณะ ให้มาช่วยจั๊มพ์แบตเตอรี่ให้จ้ะ 

 

ปีการศึกษา 2523 เมื่อตอนอยู่ปี4 วันที่28 กันยายน 2523 อ.ดิษฐ์เป็นประธานจัดงานเกษียณอาจารย์อาวุโสสองท่าน คือ อ.ฉวีและอ.เฉลา งานนี้ น้าหลาและเพื่อนสาว Rx9 พร้อมด้วยน้องรุ่น10 รำอวยพรด้วยจ้ะ

ปีการศึกษา 2524 เมื่อตอนอยู่ปี5 วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2524 มีงานครบรอบ 12ปีเภสัชศาสตร์มหิดล งานนี้เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 โดยจัด นิทรรศการให้ประชาชนเข้ามาชมภายในคณะ และคืนวันเสาร์ที่ 7 จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรม คืนนั้นมีการ แสดงโดยศิษย์ปัจจุบัน(ปี3-5)สองชุด น้าหลาเป็นหนึ่งในนางรำชุดระบำนพรัตน์กว่างานจะเลิกก็เกือบสี่ทุ่ม น้าหลามีหน้าที่ต้องนำชุดนางรำสิบกว่าชุด ที่ไปเช่ามากลับบ้านด้วย เพื่อจะนำไปคืนที่ร้านในวันรุ่งขึ้น หลังงานเลิก น้าหลาไปขอใช้โทรศัพท์ที่ล็อบบี้โรงแรม (สมัยนั้นไม่มีมือถือนะจ๊ะ) เพื่อให้คุณแม่ขับรถมารับ ขณะที่กำลัง รอสาย อ.ดิษฐ์เดินผ่านมากำลังจะกลับเช่นกัน ท่านถามว่า “ทำไมยังไม่กลับ?” น้าหลารีบเรียนทันทีว่า “กำลังโทรให้คุณแม่มารับค่ะ” “เดี๋ยวผมไปส่งเอง” น้าหลาไม่อยากเชื่อเลยว่า ท่านจะมีเมตตากับเรามากขนาดนี้นอกจากขับรถไปส่งแล้ว ท่านยังช่วยน้าหลาหอบ หิ้วชุดนางรำอีกสิบกว่าชุด ที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อ แล้วเดินไปส่งหน้าประตูบ้าน

หลังเรียนจบสี่เดือน ก็ถึงวันพฤหัสที่ 8 กรกฎาคม 2525 หนุ่มหล่อสาวสวย Rx9 เข้ารับพระราชทานปริญญาที่สวนอัมพร และจัด งานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองปริญญา ณ โรงแรมบางกอกพาเลส ในวันเสาร์ที่10 งานนี้อ.ดิษฐ์กรุณามาเป็นประธาน กล่าวอวยพรลูกศิษย์รุ่น 9 ด้วยจ้ะ

ปีพ.ศ. 2526 แม้น้าหลาจะเรียนจบไปแล้ว ก็ยังได้กลับมารับใช้คณะ ฯ เนื่องจากมีการจัดงานเกษียณของ อ.ดิษฐ์ครั้งนั้นน้า หลาร่วมรำอวยพรชุดระบำสวัสดิรักษา โดยศิษย์เก่ารุ่น 1-10 จ้ะ นอกจากนี้เดือนตุลาคมในปีนั้น อ.ดิษฐ์ยังกรุณาไปเป็นประธานในการกล่าวอวยพร ในงานแต่งงานของน้าหลา ด้วยจ้ะ

 

เดือนพฤษภาคม 2528 เป็นช่วงเวลาแห่งความเศร้าของน้าหลาจ้ะ ขณะนั้นน้าหลากำลังเรียนต่ออยู่ต่างประเทศ ได้รับจดหมายจากอ. เหลิม เล่าเรื่องการจากไปของ อ.ดิษฐ์ น้าหลาจำได้ว่า ร้องไห้อยู่หลายวัน รู้สึกเหมือนสูญเสียคุณพ่อผู้มีพระคุณ ภาพเรื่องราวดีๆ ในอดีต ค่อย ๆ กระจ่างชัดขึ้นมาในความทรงจำของน้าหลาอีกครั้ง

ความเคารพและความรู้สึกเกรง ที่น้าหลาเคยมีต่อท่านคณบดีเมื่อเริ่มย่างก้าวเข้าสู่การเป็น นศภ.ปี3 แต่ หลังจากเรียนจบ ความรู้สึกของน้าหลาเปลี่ยนไป เพราะมีโอกาสสัมผัสถึงความเมตตาของท่านหลายต่อหลาย ครั้ง ท่านไม่ได้เป็นเพียงครูผู้ประศาสน์ความรู้แก่ศิษย์แต่สิ่งมีค่าที่ท่านมอบให้พวกเรามากกว่านั้น คือ ความ เมตตา ความรัก ความห่วงใย.. เช่นเดียวกันกับที่ผู้เป็นพ่อมอบให้ลูกจ้ะ 

น้าหลาหวังว่า แม้หลาน ๆ นศภ. Gen YและZ ไม่มีโอกาสได้สัมผัสสิ่งมีค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง แต่เมื่อได้อ่าน เรื่องเล่านี้จะรับรู้ได้ว่า อ.ดิษฐ์ไม่เพียงแต่สร้างคุณูปการแก่คณะเภสัชของเราเท่านั้น ท่านยังเป็นศูนย์กลาง แห่งความรักของลูกศิษย์อีกด้วย

เมื่อใดที่หลาน ๆ เดินผ่านอนุสรณ์สถานของอ.ดิษฐ์จะได้ยกมือไหว้ด้วยความรักและเคารพ เช่นเดียวกันกับที่ บรรดาลูกศิษย์รุ่นก่อนรู้สึกจ้ะ ณ วันนี้เมื่อน้าหลาหวนคิดถึงประโยคเด็ดของ อ.ดิษฐ์ “From Here We Can Go Everywhere.” ทำให้น้าหลา มองเห็นตัวเองว่า คงเป็นเภสัชมหิดลที่ไม่ค่อยคิดอยู่ในกรอบมากนัก จึงทำให้มีประสบการณ์ในการทำงานแบบ Go Everywhereแตกต่างจากคนอื่น ๆ สักหน่อย เริ่มตั้งแต่งานเภสัชกรฝ่ายขายในบริษัทยา, งาน Pharmacy Technician (เนื่องจากตอนนั้นไม่ได้สอบ License ) ในโรงพยาบาลเอกชนเล็ก ๆ สองแห่ง ในเมือง ลอสแอนเจลิส ทำให้มีประสบการณ์ทั้งการจัดยาแบบ Unit dose, การเตรียม IV Piggyback, การเตรียม น้ำเกลือและ TPN สำหรับคนไข้ใน น้าหลาทำงานทุกวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ ตลอดสองปีกว่าที่ เรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจ้ะ แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยและทำธุรกิจส่วนตัว เภสัชกรหญิงนภาพร (น้าหลาเองจ้ะ) เป็นบรรณาธิการนิตยสาร รายเดือนสำหรับเด็กชั้นประถม จึงมีบทบาทเป็นครูของเด็กประถมทั่วทั้งประเทศ คล้ายกับการที่เภสัชกร ชุมชนให้บริการเชิงรุกกับชาวบ้านในชุมชน แต่งานของน้าหลาเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน โดยมุ่งเน้นให้ เด็ก ๆ เริ่มรู้จักอ่านแบบคิดวิเคราะห์อีกทั้งยังสอดแทรกเนื้อหาง่าย ๆ ในคอลัมน์*สุขภาพของหนู* เพื่อสอน ให้เด็กสนใจดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและหลีกเลี่ยงอบายมุขจ้ะ

จากประสบการณ์ตรงของน้าหลาหลายสิบปีวิชาชีพเภสัชทุกแขนงได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากสังคม แต่ก็ มีความคาดหวังจากสังคมตามมาด้วยนะจ๊ะ ดังนั้น น้าหลาจึงทำงานอย่างภาคภูมิใจ และทำเต็มความสามารถ เพื่อให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากเด็ก ๆ รวมไปถึงผู้ปกครอง และคุณครูประถมทั่วประเทศ ...นับตั้งแต่วันแรกที่อ.ดิษฐ์มีความตั้งใจอันแน่วแน่ ที่จะก่อตั้งคณะเภสัชมหิดลให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อเพิ่มการ ผลิตเภสัชกรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากขณะนั้นขาดแคลนเภสัชกรอย่างมาก ...จนกระทั่งถึงวันนี้เรามีเภสัชมหิดลตั้งแต่รุ่นเบบี้บูมเมอร์ไปจนถึง Gen X, Y และ Z แต่ละรุ่นเปรียบเสมือน จิ๊กซอว์ชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งชิ้น หากถูกนำมาปะติดปะต่อกัน โดยทุกรุ่นช่วยกันต่อ ช่วยกันหยิบ ช่วยกันเลือก เราจะ ได้ภาพขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบสวยงามของครอบครัวเภสัชมหิดล ที่มีความสามัคคีพร้อมใจกันทำประโยชน์ เพื่อคณะของเรา

 

เนื่องในโอกาส *100 ปีชาตกาล อาจารย์ประดิษฐ์ หุตางกูร* หากเภสัชมหิดลทุกรุ่นต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ที่จะสืบสานต่อปณิธานของ อ.ดิษฐ์ผู้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ในการพัฒนาการศึกษาและวิชาชีพเภสัช กรรม สร้างโอกาสในการเข้าถึงการใช้ยาอย่างเต็มประสิทธิภาพ และสร้างเสริมสุขภาพให้กับคนไทยทุกคน น้าหลามั่นใจว่า นี่จะเป็นของขวัญวันเกิดล้ำค่าสำหรับ *อ.ดิษฐ์..พ่อครู* ของพวกเราชาวเภสัชมหิดลจ้ะ

บทความอื่นๆ จากศิษย์เก่า

ทุกคนในภาพนี้ยิ้มอย่างมีความสุข-สนุกสนาน เมื่อมองภาพนี้แล้วทำให้ต้องยิ้มตาม ความประทับใจของภาพนี้ คือ อาจารย์ประดิษฐ์ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นอิริยาบถแบบนี้ในคณะฯ ทำให้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ก...

ศิษย์เก่า รุ่นที่ 2

ในปี 2525 ดิฉันเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ได้มีโอกาสพบท่านอาจารย์ประดิษฐ์ หุตางกูร อาจารย์ได้เล่าถึงเรื่องราวการทำงานโรงพยาบาลอำเภอของรุ่นพี่มหิดลรุ่น 6-7 และอาจารย์ได้ให้คำแนะ...

รศ.ดร.จุฬาภรณ์ ลิมวัฒนานนท์ รุ่นที่ 11

เมื่อครั้งที่รุ่น 12 ไป trip bot ในขณะนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพ เพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเห็นว่ารถจะวิ่งผ่านบ้าน จึงขอลงระหว่างทาง ปรากฎว่า เมื่อถึงคณะ อาจารย์ประดิษฐ์ เรียกทุกคนเข้าห้องประชุม ทุกคนต่า...

ศาสตราจารย์วราภรณ์ จรรยาประเสิรฐ รุ่นที่ 12

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
Copyright © 2021 - 2025
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
การใช้และการจัดการคุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา