Tricyclic Antidepressants (TCAs) กับความเสี่ยงต่อโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด

จากการศึกษาทางระบาดวิทยาล่าสุดพบว่าการใช้ยาในกลุ่ม tricyclic antidepressants (TCAs) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งจากการศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงผลของการใช้ยาในกลุ่ม TCAs กับความเสี่ยงต่อโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดส่วนใหญ่จะศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว โดยยังไม่มีการศึกษาในกลุ่มคนทั่วไป จนกระทั่งจากการศึกษาล่าสุดได้รวบรวมข้อมูลของประชากรในเวลา 8 ปีจำนวน 14,784 รายจาก Scottish Health Survey ในผู้ที่ไม่มีประวัติโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดมาก่อน ซึ่งทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ใช้และไม่ใช้ยาแก้เศร้า และได้ทำการควบคุมปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ยาแก้เศร้า และปัจจัยที่เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดด้วย

จากผลการศึกษาพบอัตราการใช้ยาในกลุ่ม TCAs ร้อยละ 2.2 เปรียบเทียบกับยาในกลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) และยาแก้เศร้ากลุ่มอื่นๆ คือร้อยละ 2.0 และ 0.7 ตามลำดับ ซึ่งหากทำการตัดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญของผู้ป่วยเดิมคือ อาการเศร้า และอาการวิตกกังวลแล้วพบว่าการใช้ยาในกลุ่ม TCAs จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ (hazard ratio, 1.35)

จากการศึกษาล่าสุดที่พบความสัมพันธ์ของการใช้ยาในกลุ่ม TCAs กับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดที่สามารถอธิบายได้จากกลไกการออกฤทธิ์ที่ไม่จำเพาะของ TCAs ได้แก่การเพิ่ม QT interval การเกิดความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า และผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ สำหรับอัตราการใช้ยาในกลุ่ม TCAs พบค่อนข้างสูง ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะพบการใช้ยา SSRIs มากกว่า TCAs อย่างไรก็ตามการใช้ยาในกลุ่ม TCAs ก็ยังมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาอาการเศร้า และอาการวิตกกังวลบางประเภท รวมถึงอาจเป็นยาทางเลือกในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแก้เศร้าอื่นๆ จากผลการศึกษาดังกล่าวควรนำมาซึ่งการที่บุคลากรทางการแพทย์ควรเพิ่มการเฝ้าระวังหากมีการสั่งใช้ยาในกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดอยู่เดิม