Tamsulosin ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อตาหลังจากการผ่าต้อกระจก
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน มิถุนายน ปี 2552 -- อ่านแล้ว 17,047 ครั้ง
Tamsulosin เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia; BPH) มีฤทธิ์ในการปิดกั้น alpha-adrenergic receptor ผลจากกการศึกษาแบบ retrospective cohort study พบว่าการใช้ tamsulosin ภายใน 14 วันหลังจากการผ่าต้อกระจกสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อตาได้ โดยผลงานวิจัยระบุว่ายาดังกล่าวเพิ่มความยากในการผ่าตัดต้อกระจก แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาใดระบุแน่ชัดว่าการใช้ tamsulosin หรือ ยาปิดกั้น alpha-adrenergic receptor ตัวอื่นมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหลังการผ่าตัด การศึกษานี้ทำในผู้ป่วยเพศชายอายุตั้งแต่ 66 ปีขึ้นไปที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกระหว่างปี 2002 ถึง 2007 จำนวน 96,128 ราย ผลสิ้นสุดแบบปฐมภูมิ (primary endpoint) ของการศึกษาคือ กระบวนการรักษาการหลุดลอกของเรตินา การสูญเสียเลนส์ตาหรือการแตกหักของเลนส์หรือเกิดการอักเสบโครงสร้างภายในตา (endophthalmitis) ที่เกิดขึ้นภายใน 14 วันหลังการผ่าตัดต้อกระจก ซึ่งผลสิ้นสุดการศึกษานี้เปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ tamsulosin หรือ alpha-blockers ตัวอื่นในปีก่อนการผ่าตัดและผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาใดเลย โดยวิเคราะห์ผลผู้ป่วยที่ได้รับยาภายใน 14 วันก่อนการผ่าตัดหรือได้รับยามาก่อนหน้านั้น (15-365 วัน) แยกกัน พบว่าผู้ป่วย 3,550 ราย (ร้อยละ 3.7) ได้รับ tamsulosin และ 7,426 ราย (ร้อยละ 7.7) ได้รับ alpha-blockers ตัวอื่นก่อนการผ่าตัด 14 วัน พบอาการไม่พึงประสงค์ร้อยละ 0.3 โดยผู้ป่วย 100 รายมีอาการอักเสบโครงสร้างภายในตา 175 รายต้องรักษาการสูญเสียเลนส์ตาหรือการแตกหักของเลนส์ 35 รายมีการหลุดลอกของเรตินาและ 26 รายมีอาการทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่ได้รับ tamsulosin ภายใน 14 วันก่อนการผ่าตัดพบอาการไม่พึงประสงค์มากว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ร้อยละ 7.5 และ 2.7 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตามไม่พบความสัมพันธ์นี้กับการใช้ alpha-blockers ตัวอื่นหรือได้รับ tamsulosin มาก่อนหน้านั้น (ร้อยละ 7.5 และ 8.0 และร้อยละ ≤ 1.8และ 1 ตามลำดับ) โดยมี number needed to harm เท่ากับ 255 ราย ข้อจำกัดของการศึกษานี้ได้แก่ ยังขาดพาวเวอร์ทางสถิติ จำนวนผู้ป่วยที่ยังคงน้อยในแต่ละกลุ่มความเป็นไปได้ที่จะประมาณอัตราการเกิดผลข้างเคียงต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นต้น แพทย์ Friedman จากโรงเรียนแพทย์ในนิวยอร์กให้ข้อสังเกตว่าความรุนแรงของอาการ intraoperative floppy iris syndrome (IFIS) ยังไม่ลดลงแม้ว่าจะหยุด tamsulosin แล้วก็ตามและแม้ว่าจะมีการเตือนในเอกสารกำกับยาเกี่ยวกับผลข้างเคียงนี้แล้วแต่จากข้อมูลนี้ควรให้ความสำคัญมากขึ้นผลดังกล่าวเนื่องจากพบว่าการใช้ tamsulosin พบได้ค่อนข้างบ่อยในผู้สูงอายุเพศชายและเพื่อให้ศัลยแพทย์วางแผนและเตรียมรับมือกับผลข้างเคียงที่จะเกิดตามมาในผู้ป่วยที่ใช้ยา tamsulosin