FDA มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลด้านความปลอดภัยของยา Sporanox® และ Novothyrox®
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน มิถุนายน ปี 2552 -- อ่านแล้ว 6,036 ครั้ง
Itraconazole (sporanox®) ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว
ในวันที่ 3 มีนาคม 2552 FDA ได้ออกประกาศเตือนการใช้ยา Itraconazole ในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวและควรเฝ้าระวังเมื่อต้องใช้ยา Itraconazole ร่วมกับยาที่มีการเปลี่ยนสภาพยาผ่านตับโดยอาศัย CYP3A4 เนื่องจากยา Itraconazole แสดงคุณสมบัติเป็น negative inotropic ในอาสาสมัครสุขภาพดีและจะไม่มีฤทธิ์นี้ภายหลังได้รับยาไปแล้ว 12 ชั่วโมง โดยภาวะหัวใจล้มเหลวจากการใช้ยา Itraconazole พบได้ในผู้ที่มีการใช้ยาในขนาด 400 มิลลิกรัมต่อวัน ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจผิดปกติ, ผู้ป่วยโรคปอด เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และผู้ป่วยโรคไตหรือผู้ป่วยที่มีภาวะบวม หากผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยา Itraconazole มีอาการแสดงของโรคหัวใจล้มเหลวควรหยุดการใช้ยา Itraconazole และเปลี่ยนเป็นยาตัวเลือกอื่น นอกจากนั้น FDA ยังเน้นย้ำถึงการเฝ้าระวังการใช้ยา Itraconazole ร่วมกับยาในกลุ่ม calcium channel blocker เนื่องจากยา Itraconazole สามารถยับยั้งการเปลี่ยนสภาพของยากลุ่มนี้ ดังนั้นจึงอาจต้องมีการลดขนาดของยากลุ่ม calcium channel blocker ลง ยากลุ่มนี้ได้แก่ Nifedipine และ Felodipine แต่ห้ามใช้ยา Itraconazole ร่วมกับ nisoldipine เนื่องจากเมื่อใช้ร่วมกันระดับยาในเลือดของ nisoldipine มีค่าสูงมากและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการลดขนาดยา นอกจากนั้นควรระวังการใช้ยา Itraconazole ร่วมกับ Cilostazol และ Eletriptan เนื่องจากมีผลเพิ่มฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด และ Itraconazole ยังมีผลเพิ่มระดับยาในเลือดของยา fentanyl ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ respiratory depression ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนั้นยังควรระวังการใช้ยา Itraconazole ร่วมกับ Halofentrine เนื่องจากอาจทำให้ระดับยาในเลือดสูงจนทำให้เกิดภาวะ prolong QT interval และการใช้ยา Itraconazole ยังมีผลลดการเปลี่ยนสภาพยา glucosteroid จึงเพิ่มระดับยาในเลือดของ Budesonide, Dexamethasone, Fluticasone และ methylprednisolone
การเกิดอันตรกริยาระหว่างยาของ Levothyroxine sodium (Novothyrox®) กับการเกิด hypothyroidism
ในวันที่ 26 มีนาคม 2552 FDA ได้ออกประกาศเตือนการใช้ยา Levothyroxine sodium (Novothyrox®) ร่วมกับ Orlistat โดยพบว่าการใช้ยาร่วมกันจะมีผลลดการดูดซึมของ L-thyroxine (T4) ซึ่งมีผลทำให้เกิดภาวะ hypothyroidism ดังนั้นหากจำเป็นต้องได้รับยาร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง และมีการตรวจภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์อย่างสม่ำเสมอ