Sacituzumab govitecan สำหรับโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน พฤษภาคม ปี 2566 -- อ่านแล้ว 1,690 ครั้ง
คณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติข้อบ่งใช้ใหม่ของ sacituzumab govitecan ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมนเอสโทรเจนและโปรเจสเทอโรน แต่มีผลลบต่อตัวรับเฮอร์ทู (HR+/HER2-) เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีการดำเนินไปของโรคที่รวดเร็ว โดยยาเคมีบำบัดที่เป็นทางเลือกแรกในปัจจุบันสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ได้แก่ eribulin, vinorelbine, capecitabine และ gemcitabine แต่เนื่องจากการรักษาด้วยยาเหล่านี้มีอัตราการตอบสนองโรคที่ไม่ดีนัก และทำให้ผู้ป่วยเกิดระยะสงบของโรคเฉลี่ยเพียง 4-5 เดือน อีกทั้งยังพบผลข้างเคียงต่อเซลล์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เซลล์มะเร็งอีกมาก ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากต้องหยุดใช้ยา ส่งผลให้การรักษาล้มเหลว เป็นเหตุให้สามารถใช้ sacituzumab govitecan มาใช้ในการรักษา ซึ่งเดิมยานี้มีข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคมะเร็งเต้านมชนิด triple-negative breast cancer กล่าวคือไม่พบตัวรับทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ตัวรับเอสโทรเจน (estrogen receptor) ตัวรับโปรเจสเทอโรน (progesterone receptor) และตัวรับเฮอร์ทู (human epidermal growth factor receptor 2; HER2) เป็นหลัก
Sacituzumab govitecan เป็น antibody-drug conjugates (ADC) ที่เกิดจากการเชื่อมโมโนโคลนอลแอนติบอดี (sacituzumab) เข้ากับโมเลกุลยา (govitecan) เพื่อขนส่งโมเลกุลยาไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายโดยเฉพาะ และลดผลข้างเคียงที่เป็นพิษโดย sacituzumab เป็นยาตัวแรกในกลุ่ม anti-trop-2 antibody ที่ออกฤทธิ์โดยการจับกับ trop-2 (trophoblast cell surface antigen 2) ซึ่งเป็นไกลโคโปรตีนที่อยู่บนผิวเซลล์มะเร็ง ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง พบมากในมะเร็งเต้านมชนิด HR+/HER2- เมื่อ sacibuzamab จับกับเซลล์มะเร็งซึ่งมี trop-2 จะปลดปล่อยตัวยา govitecan (ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสาร SN-38 ที่ทำงานด้วยการยับยั้งเอนไซม์ topoisomerase I) ส่งผลให้เซลล์มะเร็งตาย
ข้อมูลประสิทธิผลของ sacituzumab govitecan ได้มาจากการศึกษาระยะที่สามของการศึกษา TROPiCS-02 ซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่ม ไม่ปกปิดข้อมูล ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด HR+/HER2- จำนวน 543 ราย ที่ล้มเหลวจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดมามากกว่า 2 แต่ไม่เกิน 4 ชนิด ผู้ป่วย 272 ราย ได้รับ sacituzumab govitecan ในวันที่ 1 และ 8 สำหรับทุก ๆ 21 วันของรอบการให้ยา ในขณะที่ 271 ราย ได้รับยาเคมีบำบัดแบบเดี่ยวในการรักษามาตรฐานที่แพทย์เลือก ได้แก่ eribulin, vinorelbine, capecitabine และ gemcitabine ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ได้รับ sacituzumab govitecan มีระยะสงบของโรคเฉลี่ย 5.5 เดือน ซึ่งนานกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 4 เดือน ในกลุ่มที่ได้รับยาเคมีบำบัดแบบเดี่ยว (HR 0.66; 95%CI, 0.53-0.83; P=0.0003) โดยในการศึกษาได้รายงานผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดจาก sacituzumab govitecan ได้แก่ การลดจำนวนของเม็ดเลือดขาว (ลิวโคไซต์ นิวโทรฟิลล์ ลิมโฟไซต์) การลดลงของฮีโมโกลบิน และอาการท้องเสีย ซึ่งอาการดังกล่าวพบได้ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ทดลองที่ได้รับยา ในขณะที่อาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่พบได้รองมา ได้แก่ อัลบูมินในเลือดลดลง ท้องเสีย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ผมร่วง ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้น และท้องผูก
ทั้งนี้ขนาดยาที่แนะนำเป็นขนาดยาตามการศึกษา คือ sacituzumab govitecan 10 มก./กก. ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำในวันที่ 1 และ 8 ในทุก ๆ รอบการให้ยา 21 วัน จนกว่าโรคจะมีการลุกลามหรือผู้ป่วยทนต่อผลข้างเคียงของยาไม่ได้
เอกสารอ้างอิง
1. Rugo HS, Bardia A, Tolaney SM, Arteaga C, Cortes J, Sohn J, Marmé F, Hong Q, Delaney RJ, Hafeez A, André F. TROPiCS-02: A Phase III study investigating sacituzumab govitecan in the treatment of HR+/HER2-metastatic breast cancer. Future Oncol. 2020 Apr; 16(12):705-15.
2. Jeong JH, Kim SB. Antibody-drug conjugates targeting Trop-2: Clinical developments in early breast cancer therapy. The Breast. 2022 Oct 26.
3. Cancer Stat Facts: Female Breast Cancer Subtypes. National Cancer Institute Surveillance, Epidemiology, and End Results Program. [Internet]. [cited 2023 Feb 15]. Available from: https://seer.cancer.gov/statfacts/html/breast-subtypes.html
คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
sacituzumab govitecan
metastatic breast cancer