หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

Adalimumab กับข้อบ่งใช้ใหม่สำหรับรักษา uveitis

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน สิงหาคม ปี 2559 -- อ่านแล้ว 8,574 ครั้ง
 
Adalimumab เป็นยาประเภท monoclonal antibody ที่จับจำเพาะกับ tumor necrosis factor-alpha (TNF-α) จึงยับยั้งฤทธิ์ TNF-α จัดเป็นยาในกลุ่ม TNF-α inhibitors (หรือ anti-TNF drugs) เช่นเดียวกับ infliximab, certolizumab, golimumab ซึ่ง TNF-α มีบทบาทในพยาธิสรีรภาพที่เกี่ยวกับการตอบสนองด้านการอักเสบและภูมิคุ้มกัน เกี่ยวข้องกับการก่อโรคหลายอย่าง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis), โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis), โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (ankylosing spondylitis), โรคลำไส้อักเสบ (inflammatory bowel disease; IBD) ทั้งชนิด Crohn's disease และโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล (ulcerative colitis) และยังรวมถึงผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบ (uveitis) ซึ่งโรคต่างๆ ที่กล่าวมานี้นอกจาก TNF-α แล้ว ยังมีไซโตไคน์ (cytokines) ชนิดอื่นที่มีบทบาทด้านก่อการอักเสบร่วมเกี่ยวข้องด้วย ยาทั้งหลายในกลุ่ม TNF-α inhibitors มีศักยภาพในการรักษาโรคเหล่านี้ และเมื่อเร็วๆ นี้ adalimumab ได้รับข้อบ่งใช้สำหรับรักษาผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ เป็นยาตัวแรกในกลุ่ม TNF-α inhibitors ที่ได้รับข้อบ่งใช้นี้ ทำให้ปัจจุบันในบางประเทศยานี้มีข้อบ่งใช้ในโรคต่างๆ แล้วถึง 9 อย่าง ได้แก่ rheumatoid arthritis, juvenile idiopathic arthritis, psoriatic arthritis, ankylosing spondylitis, Crohn's disease (รวมในเด็กด้วย), ulcerative colitis, plaque psoriasis, hidradenitis suppurativa และ uveitis สำหรับขนาดยาในการรักษาผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบให้เริ่มด้วย 80 มิลลิกรัม โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในสัปดาห์ต่อมาฉีด 40 มิลลิกรัม จากนั้นฉีด 40 มิลลิกรัม ทุก 2 สัปดาห์

การที่ adalimumab ได้รับอนุมัติในข้อบ่งใช้สำหรับผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบ เนื่องจากมีการศึกษาทางคลินิกสนับสนุน 2 การศึกษา เป็น randomized, double-masked, placebo-controlled trals คือ UV I ซึ่งศึกษาในผู้ที่กำลังเกิดอาการของผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบ (active uveitis) (n=217) และ UV II ซึ่งศึกษาในผู้ที่ไม่ได้กำลังเกิดอาการของผนังลูกตาชั้นกลางอักเสบ (inactive uveitis) (n=226) ให้ adalimumab ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง โดยเริ่มด้วย 80 มิลลิกรัม สัปดาห์ต่อมาฉีด 40 มิลลิกรัม จากนั้นฉีด 40 มิลลิกรัม ทุก 2 สัปดาห์ เทียบกับยาหลอก ซึ่งเมื่อเริ่มทำการศึกษาผู้ป่วยทุกรายรับประทาน prednisone อยู่ก่อน จึงค่อยๆ ลดขนาด prednisone และหยุดใช้ในสัปดาห์ที่ 15 สำหรับ UV I และสัปดาห์ที่ 19 สำหรับ UV II ประเมินผลเบื้องต้นจากระยะเวลาที่ใช้ยาไม่ได้ผลอีกต่อไป (treatment failure) ผลการศึกษาพบว่า adalimumab ให้ผลการรักษาดีกว่ายาหลอก โดยอัตราความล้มเหลวในการรักษาในกลุ่มที่ได้รับ adalimumab เทียบกับยาหลอก กรณีการศึกษา UV I เท่ากับ 54.5% เทียบกับ 78.5% ส่วนการศึกษา UV II เท่ากับ 39.1% เทียบกับ 55.0% อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบ เช่น ติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนบน ไซนัสอักเสบ ปวดศีรษะ ผื่นขึ้น

อ้างอิงจาก:

1. Mérida S, Palacios E, Navea A, Bosch-Morell F. New immunosuppressive therapies in uveitis treatment. Int J Mol Sci 2015;16:18778-95; (2) Adalimumab. http://www.rxlist.com/humira-drug.htm; (3) White V. FDA approves adalimumab for the treatment of non-infectious uveitis (1 July 2016). http://www.europeanpharmaceuticalreview.com/42175/news/industry-news/fda-adalimumab-abbvie/

คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
adalimumab monoclonal antibody tumor necrosis factor-alpha TNF-α TNF-α inhibitor anti-TNF drug infliximab certolizumab golimumab rheumatoid arthritis psoriasis ankylosing spondylitis inflammatory bowel disease IBD Crohn's
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.2 เกลือแร่สำหรับท้องเสีย ORS (Oral Rehydration Salts)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้