![]() |
“ยาแก้อักเสบ” เป็นหนึ่งในยาที่ทุกคนอาจเคยมีประสบการณ์ในการใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดอาการอักเสบ เช่น ปวดฟัน ปวดประจำเดือน หรือปวดข้อ แต่ทราบหรือไม่ว่ายาแก้อักเสบเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วยโรคหืดได้ บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและทราบแนวทางการใช้ยาอย่างปลอดภัยมากขึ้น
โรคหืด (asthma) คือ โรคทางระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลม ทำให้หลอดลมเกิดการอุดกั้น โดยอาการที่พบบ่อยของโรคนี้ คือ อาการหอบเป็นช่วง ๆ ไอ หายใจมีเสียงหวีด หายใจไม่เต็มอิ่ม แน่นหน้าอก เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละช่วงของวัน และมักสัมพันธ์กับปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น สารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เป็นต้น(1,2)
NSAIDs (เอ็นเสด) ย่อมาจาก Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไซโคลออกซีเจเนส (cyclooxygenase) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ค็อกซ์ (COX) ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ COX-1 และ COX-2 เอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้ทำหน้าที่เปลี่ยน arachidonic acid ให้กลายเป็น prostaglandin H2 (PGH2)(3) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ถูกเอนไซม์ในเนื้อเยื่อเปลี่ยนต่อไปเป็น prostaglandins ชนิดต่าง ๆ ได้แก่ prostaglandin I2 (PGI2), prostaglandin D2 (PGD2), prostaglandin E2 (PGE2), prostaglandin F2 (PGF2) หรือ thromboxane A2 (TXA2)(4) สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในร่างกาย เช่น การรับรู้ความเจ็บปวด กระบวนการอักเสบ การแข็งตัวของเลือด และการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด แม้ว่า COX-1 และ COX-2 จะมีโครงสร้างที่คล้ายกัน แต่มีบทบาทที่แตกต่างกันในร่างกาย(3) โดย COX-1 เป็นเอนไซม์ที่สร้างอยู่ตลอดเวลา มีบทบาทในการปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารโดยการสร้าง PGE2 และควบคุมการแข็งตัวของเลือดผ่านการสร้าง TXA2 ในทางกลับกัน COX-2 มักไม่ถูกสร้างในภาวะปกติแต่จะถูกกระตุ้นให้สร้างขึ้นเมื่อมีการอักเสบ ซึ่งการทำงานของ COX-2 มักส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดและไข้ ดังนั้นยากลุ่ม NSAIDs ที่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ COX-2 จึงมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้ ดังแสดงในรูปที่ 1
รูปที่ 1 แผนภาพกลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม NSAIDs(5,6)
โดยทั่วไปสามารถแบ่ง NSAIDs ตามโครงสร้างทางเคมีของยา หรือความสามารถในการยับยั้ง COX อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงการแบ่งกลุ่มตามความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์(5) เนื่องจากจะสัมพันธ์กับข้อควรระวังในผู้ป่วยโรคหืดมากกว่า ได้แก่
การยับยั้งเอนไซม์ COX ส่งผลให้การสร้าง prostaglandins ลดลง โดยเฉพาะ PGE2 ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5-lipoxygenase (5-LOX) ทำให้ arachidonic acid เปลี่ยนเป็น leukotrienes ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้หลอดลมหดตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้อาการโรคหืดแย่ลง(6,7) โดยอาการที่แย่ลงสัมพันธ์กับความจำเพาะในการยับยั้งเอนไซม์ COX โดยเฉพาะกลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง COX-1 ได้มาก เช่น aspirin, ibuprofen, naproxen และ ketorolac เป็นต้น(7) เนื่องจาก COX-1 เป็นเอนไซม์ที่สร้างอยู่ตลอดเวลาในทางเดินหายใจ หากเอนไซม์ดังกล่าวถูกยับยั้งจะมีผลทำให้ระดับ PGE2 ลดลงจนไม่เพียงพอที่จะยับยั้งเอนไซม์ 5-lipoxygenase ทำให้เกิด leukotrienes ที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้หลอดลมหดตัวได้มากขึ้น ต่างจากยากลุ่มที่ยับยั้งเอนไซม์ COX-2 อย่างจำเพาะ เช่น celecoxib ซึ่งมีผลลดปริมาณ PGE2 ในทางเดินหายใจน้อยกว่า ดังแสดงในรูปที่ 2
รูปที่ 2 กลไกของยากลุ่ม NSAIDs ทำให้เกิดการหดตัวของหลอดลม(5,6)
นอกจากโรคหืดแล้ว ยังมีโรคทางระบบหายใจอื่น ๆ เช่น โรคริดสีดวงจมูก โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ โรคจมูกอักเสบ และโรคไซนัสอักเสบ(7,8) ที่อาจกำเริบหรือมีอาการแย่ลงเมื่อได้รับยากลุ่ม NSAIDs เนื่องจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาเช่นเดียวกันกับโรคหืด อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นต้องได้ใช้ยากลุ่ม NSAIDs สามารถเลือกใช้ NSAIDs ที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเอนไซม์ COX-2 เช่น celecoxib หรือ etoricoxib ได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรใช้ยากลุ่ม NSAIDs อย่างระมัดระวังและควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs โดยเฉพาะที่ยับยั้งเอนไซม์ COX-1 มีผลเพิ่มการสร้างสารที่กระตุ้นให้หลอดลมหดตัว ส่งผลให้อาการของโรคทางเดินหายใจกำเริบหรือแย่ลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยโรคหืด หากจำเป็นต้องใช้ NSAIDs แนะนำให้เลือกใช้กลุ่มที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อ COX-2 แทน อย่างไรก็ตามการใช้ยา NSAIDs ทุกชนิด ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
![]() |