ไซยาไนด์: ความเป็นพิษ อาการ และการแก้พิษเบื้องต้น
อ.ดร.ชัยวัฑฒน์ อ่อนศรี ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
16,126 ครั้ง เมื่อ 1 ช.ม.ที่แล้ว | |
2023-05-29 |
ข่าวสารที่ประชาชนให้ความสนใจในช่วงเดือนที่ผ่านมาหนึ่งคงหนีไม่พ้นกรณีฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยสารพิษไซยาไนด์ ไซยาไนด์ (cyanide, CN-) จัดเป็นสารพิษอันตรายควบคุมชนิดที่ 3 ตามประกาศของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือครอบครองต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยทั่วไปไซยาไนด์สามารถพบได้ในรูปแบบเกลือของแข็งสีขาว เช่น โพแทสเซียมไซยาไนด์ (potassium cyanide; KCN) หรือ โซเดียมไซยาไนด์ (sodium cyanide; NaCN) ซึ่งเกลือดังกล่าวมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี จึงอาจพบในรูปของสารละลายใสไม่มีสีได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจพบในรูปแก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ (hydrogen cyanide; HCN) เมื่อผสมเกลือไซยาไนด์กับกรดเกลือ (hydrochloric acid; HCl) ซึ่งเป็นแก๊สที่ไม่มีสี แต่มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายกลิ่นของถั่วอัลมอนด์ สารประกอบไซยาไนด์เหล่านี้มีการใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น อุตสาหกรรมเหมืองทองคำ อุตสาหกรรมผลิตพสาสติก และเป็นองค์ประกอบในสารกำจัดแมลง ในพืชบางชนิด เช่น มันสำปะหลัง มันฝรั่ง เผือก หน่อไม้ ถั่วอัลมอนด์ สบู่ดำ เป็นต้น สามารถพบไซยาโนไกลโคไซด์ (cyanogenic glycoside) ซึ่งจะถูกย่อยด้วยเอนไซม์ในร่างกาย และปลดปล่อยไซยาไนด์อิสระที่เป็นพิษออกมา โดยไซยาโนไกลโคไซด์นี้จะถูกทำลายเมื่อโดนความร้อน ดังนั้นก่อนรับประทานพืชในกลุ่มนี้จึงควรปรุงให้สุก เพื่อป้องกันสารพิษของไซยาไนด์
ระดับของไซยาไนด์ที่จะแสดงความเป็นพิษในร่างกายมนุษย์ (lethal dose) คือ 0.5–3.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว เมื่อพิษไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ใจสั่น หน้าแดง หายใจติดขัด ชัก หรือหมดสติ หากได้รับในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากไซยาไนด์จะรวมตัวกับเฟอร์ริกไอออน (ferric ion; Fe3+) ของไมโอโกลบิน (myoglobin) ที่อยู่ในไมโตคอนเดรีย (mitochondria) ทำให้ขัดขวางกระบวนการหายใจระดับเซลล์ผ่านการยับยั้งกระบวนการลูกโซ่ของการถ่ายทอดอิเล็กตรอน (electron transport chain)
การรักษาภาวะเป็นพิษจากไซยาไนด์จะใช้สารละลายโซเดียมไนไตรท์ (sodium nitrite; NaNO2) สำหรับฉีดหรือเอมิลไนไตรท์ (amyl nitrite) สำหรับการสูดดม เพื่อเปลี่ยนเฟอร์รัสไอออน (ferrous ion; Fe2+) ในฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ให้เป็นเฟอร์ริกไอออนในรูปเมธฮีโมโกลบิน (methemoglobin) ซึ่งจะแย่งจับกับไซยาไนด์แทนไมโอโกลบิน จากนั้นจะให้โซเดียมไทโอซัลเฟต (sodium thiosulfate; Na2S2O3) เพื่อเปลี่ยนไซยาไนด์เป็นไทโอไซยาเนต (thiocyanate; SCN-) และถูกขับออกทางไตต่อไป อย่างไรก็ตามการรักษาภาวะเป็นพิษจากไซยาไนด์นี้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากภาวะเมธฮีโมโกลบินที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนของเนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในร่างกาย
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างจำเพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่สัมผัสกับไซยาไนด์ มีเพียงข้อแนะนำให้รีบเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณที่มีการรั่วไหล และนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที หากสัมผัสทางผิวหนังควรลดการสัมผัสด้วยการถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออก แล้วทำความสะอาดบริเวณผิวสัมผัสด้วยน้ำสะอาด และสบู่ ไม่ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยอาเจียนหากได้รับผ่านการรับประทาน หากผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้ช่วยเหลือด้วยการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (cardiopulmonary resuscitation; CPR) ห้ามใช้วิธีเป่าปากเพื่อป้องกันการได้รับพิษของผู้ช่วยเหลือ
การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 1 นาทีที่แล้ว | |
ยาแก้ไอ ... มีกี่แบบ ?? 1 นาทีที่แล้ว | |
สารเคมีในครัวเรือนที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน 1 นาทีที่แล้ว | |
ไขมันทรานส์ 1 นาทีที่แล้ว | |
เครื่องสำอางกับสุขภาพ 1 นาทีที่แล้ว | |
ยาฆ่าเชื้อกับการตั้งครรภ์และให้นมบุตร 1 นาทีที่แล้ว | |
เมื่อสัตว์เลี้ยงได้รับสารพิษ : แนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้น 1 นาทีที่แล้ว | |
การนอน .. เพื่อชะลอวัยและเพื่อสุขภาพ 1 นาทีที่แล้ว | |
ผลแลปจากการตรวจเลือด....มีความหมายว่าอย่างไร 2 นาทีที่แล้ว | |
ยาแก้ไอ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (dextromethorphan) และการนำไปใช้ ในทางที่ผิด 2 นาทีที่แล้ว |
|
HTML5 Bootstrap Font Awesome