Loading…

การทิ้งและทำลายยาที่ถูกต้อง

การทิ้งและทำลายยาที่ถูกต้อง
อาจารย์ ดร.ภก.บรมพจน์ พฤฒิวนาสัณฑ์ ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
59,679 ครั้ง เมื่อ 1 นาทีที่แล้ว
2017-04-30
ปัญหายาตกค้างในแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาป หรือพื้นดิน สามารถพบเจอได้ทั่วโลก ผลกระทบของยาตกค้างในธรรมชาติที่ชัดเจน คือ การทำลายระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในธรรมชาตินั้น ซึ่งสามารถส่งผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ต่อมายังมนุษย์ได้ (อ่านเพิ่มเติมในบทความ “อันตรายจากยาตกค้างในสิ่งแวดล้อม”) สาเหตุหนึ่งที่สำคัญของปัญหาดังกล่าว คือ การทิ้งและทำลายยาอย่างไม่ถูกวิธี ในอดีตเรามักจะได้ยินว่าการทิ้งยาสามารถทำได้โดยการบดยาให้เป็นผงและทิ้งลงถังขยะเพื่อนำไปฝังกลบหรือนำไปละลายน้ำและทิ้งลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย แต่ในปัจจุบันพบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหายาตกค้างในแหล่งธรรมชาติอย่างชัดเจน เนื่องจากยาบางชนิดสามารถผ่านระบบบำบัดและเล็ดลอดสู่ธรรมชาติได้โดยไม่ถูกกำจัดทิ้ง สำหรับยาที่ถูกฝังกลบจะละลายออกมาจากพื้นดินลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติได้ต่อไป

ภาพจาก : https://www.health.harvard.edu/media/content/images/ExpiredDrug_dreamstime_m_20278518.jpg
หากพิจารณาแล้ว ยา คือ สารเคมีทั่วไปที่มีฤทธิ์ในการรักษาโรค ดังนั้น การกำจัดยาก็สามารถใช้หลักการการกำจัดของเสียสารเคมีซึ่งนิยมใช้การเผาที่อุณหภูมิสูงร่วมกับการฝังกลบอย่างถูกวิธี ปัจจุบัน ศูนย์พัฒนานโยบายแห่งชาติด้านสารเคมี กองแผนงานและวิชาการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมจัดทำแนวปฏิบัติการจัดการของเสียทางการแพทย์ที่เป็นสารเคมี ซึ่งมุ่งเน้นไปยังของเสีย 3 ชนิดหลัก ได้แก่ ยาและเวชภัณฑ์ ของเสียที่เกิดจากสารเคมีในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และของเสียพวกเครื่องมือแพทย์ที่มีปริมาณโลหะหนักสูง แนวปฏิบัติดังกล่าวได้แนะนำการทำลายยาและเวชภัณฑ์ที่หมดอายุโดยการเผาทำลายทิ้งที่อุณหภูมิตั้งแต่ 850 ถึง 1,600 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิที่ใช้จะขึ้นกับประเภทและความเป็นอันตรายของยา หลังจากนั้นจึงค่อยนำกากของเสียหลังจากการเผาไหม้ไปฝังกลบอย่างถูกวิธี

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. K?mmerer K. Pharmaceuticals in the Environment – A Brief Summary. In: K?mmerer K, editor. Pharmaceuticals in the Environment: Sources, Fate, Effects and Risks. 3rd ed. Berlin: Springer-Verlag; 2008. p. 3-21.
  2. ศูนย์พัฒนานโยบายแห่งชาติด้านสารเคมี กองแผนงานและวิชาการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. แนวปฏิบัติการจัดการของเสียทางการแพทย์ที่เป็นสารเคมี. มีนาคม 2559. [ออนไลน์]. [วันที่สืบค้นข้อมูล 7 มีนาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://ipcs.fda.moph.go.th/csnetNEW/file/news/23082016-145421-news.pdf
  3. Buchberger W. Current approaches to trace analysis of pharmaceuticals and personal care products in the environment. J Chromatogr A. 2011; 1218: 603-18.
  4. Prutthiwanasan B, Phechkrajarng C, Suntornsuk L. Fluorescent labelling of ciprofloxacin and norfloxacin and its application for residues analysis in surface water. Talanta 2016; 159: 74-9.
-->

บทความที่ถูกอ่านล่าสุด

ยาเสื่อมสภาพ .. รู้ได้อย่างไร 1 วินาทีที่แล้ว
ถั่งเช่า ช่วยเพิ่มสมรรถภาพ จริงหรือ? 2 วินาทีที่แล้ว
ยาปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและแนวทางการป้องกันตนเอง 2 วินาทีที่แล้ว
อันตรายของครีมหน้าขาว ที่ผสมไฮโดรควิโนน 3 วินาทีที่แล้ว
สมุนไพรใช้ในอายุรเวท 3 วินาทีที่แล้ว
เข้าถ้ำ เข้าป่า ระวังติดเชื้อที่แฝงอยู่ 3 วินาทีที่แล้ว
“เห็ด” แหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ 4 วินาทีที่แล้ว
สูงวัยอย่างมีคุณภาพด้วยการออกกำลังกาย 4 วินาทีที่แล้ว
การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโรคโควิด-19 ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ 4 วินาทีที่แล้ว
รอบรู้เรื่องธาตุกัมมันตรังสี 5 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด

เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์
คลังความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์
Copyright © 2021 - 2024
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล