Loading…

คัดเลือกยาคุณภาพเข้าโรงพยาบาลทำกันอย่างไร

คัดเลือกยาคุณภาพเข้าโรงพยาบาลทำกันอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
26,706 ครั้ง เมื่อ 2 ช.ม.ที่แล้ว
2016-07-06

เนื่องจากโรคแต่ละโรคนั้นสามารถเลือกใช้ยารักษาโรคได้หลายประเภท หลายกลุ่ม อีกทั้งยามีความแตกต่างกันในเรื่องกลไกการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง และความเหมาะสมกับสภาวะร่างกายของผู้ป่วย เช่นผู้ป่วยเป็นเด็ก เป็นโรคตับ เป็นโรคไต หรือแพ้ยา รวมถึงแม้แต่ยาชื่อสามัญเดียวกันยังมีราคาจำหน่ายที่แตกต่างกันและมีหลายชื่อการค้า ในปัจจุบันยาใหม่ๆ มักมีราคาแพง จึงเป็นไปไม่ได้ที่แต่ละโรงพยาบาลจะมียาทุกๆ ตัว โรงพยาบาลจำเป็นต้องมีระบบการคัดเลือกยาที่เหมาะสมเพื่อมาใช้ในโรงพยาบาล

ในการคัดเลือกยาเพื่อใช้ในโรงพยาบาลจะดำเนินการในรูปของคณะทำงานที่มีชื่อว่าคณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด (Pharmacy and Therapeutic Committee, PTC) คณะกรรมการชุดนี้มีเภสัชกรเป็นกรรมการและเลขานุการ งานของคณะกรรมการชุดนี้มีความสำคัญ โดยงานอันดับแรกคือการกำหนดเกณฑ์ที่นำมาใช้พิจารณาคัดเลือกยาและเวชภัณฑ์เข้าโรงพยาบาล กรณียาทั่วไป คณะกรรมการฯ จะพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆ ประเด็น ที่สำคัญได้แก่ ประโยชน์ในการนำมาใช้รักษาผู้ป่วย อาการไม่พึงประสงค์และพิษของยา มาตรฐานผลิตภัณฑ์และราคายา สำหรับกรณียานั้นมีสูตรหรือส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกัน คณะกรรมการฯ อาจจะมีนโยบายให้มียานั้นอยู่ในห้องยา 2 ตำรับ สำหรับยาต้นแบบ (original product) และยาชื่อสามัญ (generic product) หรือให้เป็นยาชื่อสามัญทั้งสองตำรับ การดำเนินงานจัดซื้อยาจะหมุนเวียนซื้อในแต่ละบริษัท และหากว่าเป็นยาตัวใหม่ๆ จะต้องมีเหตุผลในการนำเสนอยาเข้าเมื่อเทียบกับยาเดิมที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน แสดงเปรียบเทียบผลการประเมินประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการคัดเลือกเบื้องต้นคล้ายกันคือ จะพิจารณาประเด็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์และราคา ซึ่งมักจะคัดเลือกบริษัทคู่ค้าเพียง 1 บริษัทเท่านั้น (รายการยาสามัญแต่ละรายการจะมีเพียงหนึ่งชื่อการค้าเท่านั้น) แต่ในกรณียาที่ขาดคราวบ่อยอาจคัดเลือกบริษัทสำรอง กรณีที่เป็นรายการยาใหม่ ที่ยังไม่เคยมีในโรงพยาบาล จะพิจารณาในประเด็น ประโยชน์ในการนำมาใช้รักษาผู้ป่วย อาการไม่พึงประสงค์และพิษของยา แสดงประสิทธิผลและราคาที่ใช้ในการรักษา เพิ่มเติม โดยเปรียบเทียบกับยาที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน หรือข้อบ่งใช้เดียวกัน ที่มีหรือไม่มีอยู่ในบัญชียาโรงพยาบาล
ทั้งนี้เภสัชกรมีบทบาทในการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของเวชภัณฑ์ที่ต้องจัดซื้อ ว่ายาแต่ละรายการควรมีคุณลักษณะเฉพาะอย่างไรโดยอ้างอิงหลักวิชาการ เนื่องจากเวชภัณฑ์ที่ผลิตจากแต่ละบริษัทอาจมีแหล่งวัตถุดิบและกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการรักษา ดังนั้นเภสัชกรจึงควรต้องค้นคว้าและติดตามข้อมูลข่าวสารด้านยายู่เสมอ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการจัดหาและกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำเสนอข้อมูลในที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาตัดสินใจ ยกตัวอย่างข้อมูลเหล่านี้ เช่น
  1. ข้อมูลของบริษัทผู้ผลิต เน้นหลักเกณฑ์และวิธีการผลิตที่ดี โดยพิจารณาจาก GMP Certificate และความน่าเชื่อถือด้านอื่นๆ ของบริษัท ตามสภาพที่เป็นจริงและประวัติการให้บริการ
  2. Certificate of Analysis และวิธีวิเคราะห์ที่ได้มาตรฐาน
  3. คุณภาพของวัตถุดิบ พิจารณาจาก แหล่งที่ผลิตและ Certificate of Analysis ของวัตถุดิบ
  4. ฉลากและบรรจุภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในเภสัชตำรับ เช่น ลักษณะของภาชนะบรรจุ การแจ้งวันที่หมดอายุ (Expire Date) วันที่ผลิต (Manufacturing Date)
  5. ผลการศึกษาชีวสมมูลของยา ด้านประสิทธิผล ความปลอดภัย และ เศรษฐศาสตร์ทางยา
นอกจากนี้จะต้องคัดเลือกแหล่งจัดซื้อยา มีการประเมินรายรายการยาโดยใช้เกณฑ์ เช่น
  1. แหล่งผลิตต้องได้รับใบรับรองในหมวดที่ชี้เฉพาะจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ว่ามี GMP ครบถ้วน
  2. แหล่งผลิตสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น มีข้อมูลของกระบวนการผลิต เพราะมีเวชภัณฑ์บางรายการ เช่น aspirin ที่ต้องใช้กระบวนการผลิตที่เหมาะสมจึงจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน มีข้อมูลของแหล่งวัตถุดิบ มีข้อมูลทาง Bioavialability ของเวชภัณฑ์บางรายการที่จำเป็น และข้อมูลความคงตัวของยาที่สภาวะต่างๆโดยเฉพาะความคงตัวของยาฉีดหลังการละลาย/เจือจางที่อุณหภูมิต่างๆ แหล่งผลิตที่มีแผนกวิเคราะห์เวชภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ข้อมูลการวิเคราะห์และวิธีการวิเคราะห์เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด การจัดซื้อเวชภัณฑ์แต่ละครั้ง บริษัทผู้จำหน่ายต้องแนบใบวิเคราะห์มาพร้อมกับเวชภัณฑ์ทุกครั้ง เพื่อยืนยันคุณภาพเวชภัณฑ์ ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลอาจสุ่มตัวอย่างส่งไปตรวจสอบที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เขตเพื่อเป็นการยืนยันคุณภาพของเวชภัณฑ์
ฉะนั้น เภสัชกรโรงพยาบาลจึงมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกยาที่มีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล(ประเทศไทย). คู่มือมาตรฐานวิชาชีพเภสัชกรรมโรงพยาบาล. กรุงเทพมหานคร: จันทร์ม่วงการพิมพ์; 2542.
  2. มังกร ประพัฒน์วัฒนะ. ระบบยาเพื่อความปลอดภัย. กรุงเทพฯ: สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย); 2553.

บทความที่ถูกอ่านล่าสุด

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาหยอดตาที่ไม่ควรมองข้าม 3 วินาทีที่แล้ว
ยาทาภายนอกรักษาโรคเชื้อรา : ยารักษากลากและเกลื้อน 4 วินาทีที่แล้ว
ยาแก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ-กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) 11 วินาทีที่แล้ว
ลำโพง : ไม้ประดับมีพิษ 21 วินาทีที่แล้ว
มะเร็งลำไส้ใหญ่ อาหารอะไรป้องกันโรค 22 วินาทีที่แล้ว
รอบรู้เรื่องธาตุกัมมันตรังสี 25 วินาทีที่แล้ว
ยาเบาหวาน ... กินอย่างไรให้ถูกต้อง 1 นาทีที่แล้ว
ยาแก้ไอ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (dextromethorphan) และการนำไปใช้ ในทางที่ผิด 1 นาทีที่แล้ว
ซูโดเอฟีดรีน (pseudoephedrine) พระเอกหรือผู้ร้าย? 1 นาทีที่แล้ว
ยาต้านเกล็ดเลือด รู้ไว้...ปลอดภัยเมื่อใช้ยา 1 นาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด

เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์
Copyright © 2021 - 2024
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล