การตรวจเสมหะ...ความรู้สำหรับประชาชน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทนพ. เมธี ศรีประพันธ์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
10 ครั้ง เมื่อ 5 ช.ม.ที่แล้ว | |
2025-10-06 |
เสมหะเป็นสารคัดหลั่งที่ถูกสร้างขึ้นในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้เยื่อบุหลอดลมในระบบทางเดินหายใจชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ฝุ่นละออง แบคทีเรียหรือสิ่งแปลกปลอมตกลงไปยังปอด โดยทั่วไปแล้วเสมหะจะมีลักษณะเป็นเมือกใส ไม่หนืดหรือเหนียว อย่างไรก็ตามอาจพบเสมหะที่มีลักษณะอื่นได้ โดยมากมักสัมพันธ์กับการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นการตรวจเสมหะทางห้องปฏิบัติการจึงช่วยวินิจฉัยความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดโรคในปอดและถุงลมปอดได้เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบและวัณโรค
ในบทความนี้จะกล่าวถึงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจเสมหะทางห้องปฏิบัติการได้แก่ การเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ วิธีตรวจทางห้องปฏิบัติการและประโยชน์ของการตรวจเสมหะทางห้องปฏิบัติการเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับประชาชนและผู้สนใจต่อไป
การเก็บเสมหะเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองและแนะนำให้เก็บเสมหะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้
1. ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า (ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปาก) ให้สะอาด 2-3 ครั้งก่อนการเก็บเสมหะ
2. พยายามไอหรือขากเพื่อให้ได้เสมหะจากส่วนลึกในลำคอ
3. บ้วนเสมหะใส่ภาชนะที่สะอาดและปราศจากเชื้อที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ โดยเก็บปริมาณ 1-3 มิลลิลิตร และหลีกเลี่ยงการเก็บในส่วนที่เป็นน้ำลาย
4. ควรนำส่งห้องปฏิบัติการทันที หากไม่สามารถส่งได้ควรแช่ที่ตู้เย็นช่องธรรมดาและรีบนำส่งห้องปฏิบัติการในวันถัดไป
การตรวจเสมหะทางห้องปฏิบัติการ
1. การดูลักษณะภายนอกของเสมหะด้วยตาเปล่า เป็นการดูลักษณะหรือความผิดปกติของเสมหะที่เก็บมารวมถึงประเมินคุณภาพของเสมหะว่าเหมาะสมในการตรวจวิเคราะห์หรือไม่ ในกรณีที่มีน้ำลายเจือปนมาจำนวนมาก ผู้ป่วยอาจต้องเก็บตัวอย่างเสมหะใหม่เพื่อส่งตรวจอีกครั้งหนึ่ง เสมหะปกติจะมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่เหนียวข้น ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติหรือติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอาจพบเสมหะที่มีลักษณะผิดปกติไปเช่น มีสีสนิมเหล็กหรือน้ำตาลแดง สีชมพู สีเขียวหรือเหลือง รวมถึงอาจพบมูก หนอง หรือเลือดเจือปนและมีกลิ่นเหม็น
2. การย้อมสีเสมหะ เพื่อดูเซลล์หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่พบในเสมหะรวมทั้งตรวจหาเชื้อจุลชีพก่อโรคที่อาจพบในระบบทางเดินหายใจได้เช่น เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
3. การเพาะเชื้อจากเสมหะ เพื่อตรวจหาและจำแนกชนิดเชื้อจุลชีพก่อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งผลการเพาะเชื้อที่ได้จะช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยของแพทย์และการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อที่ถูกต้องและเหมาะสมในผู้ป่วยต่อไป
ประโยชน์ของการตรวจเสมหะ
1. ประเมินความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้แก่ ปอด ถุงลมและหลอดลมปอด
2. ตรวจหาเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่ปอด วัณโรคปอด
3. ใช้ติดตามการรักษาโรคหรือความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
Photo by: Freepik
![]() |
อันตรายจากการบริโภควิตามินมากเกิน 5 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาหอม กับคนวัยทำงาน 6 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ยารักษาโรคเท้าเหม็นจากเชื้อแบคทีเรีย 25 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาเบาหวาน ... กินอย่างไรให้ถูกต้อง 35 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ลำไย...คุณค่าที่มากกว่าความหวาน 38 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
“นิโคติน” สารทดแทนช่วยเลิกบุหรี่ 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
เคล็ดลับการซื้อยาให้ปลอดภัย 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาแก้ปวดข้อ ใช้รักษาข้อเสื่อม ใช้อย่างไร? 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
เรื่องของยาลดความอ้วน orlistat 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ยารักษาสิว isotretinoin อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม 2 นาทีที่แล้ว |
![]() ![]() |
|
ที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานภายในคณะฯ
HTML5 Bootstrap Font Awesome