Eng |
อาจารย์ ดร.ทนพ. เมธี ศรีประพันธ์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ตามที่มีการเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมให้ความสนใจรวมถึงมีการตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีด้วยวิธีดังกล่าว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองหรือ HIV Self Testing (HIVST) ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) วางขายในท้องตลาด ถ้าประชาชนต้องการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี จะต้องไปตรวจยังสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีที่มีการใช้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการนำเสนอประเด็นในแง่มุมที่น่าสนใจสำหรับประชาชนทั่วไปได้แก่ วิธีการตรวจในปัจจุบัน ระยะเวลาในการตรวจ ผู้ที่ควรตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี การแปลผลรวมถึงข้อจำกัดของการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และความสำคัญของการตรวจดังกล่าว
1. ในปัจจุบันการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีมีกี่แบบ ?
การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีโดยห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในปัจจุบันมี 4 แบบที่สำคัญ (ดังแสดงในภาพด้านล่าง) ได้แก่
2. ขั้นตอนการเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีเป็นอย่างไร ?
ในการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ต้องการตรวจจะต้องลงนามยินยอมเข้ารับการตรวจโดยสมัครใจ จากนั้นผู้ที่ต้องการตรวจจะได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีรวมถึงรับข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี โดยพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แก่ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันกับคู่นอนที่ไม่ทราบผลเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน บาดแผลสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ไม่ทราบผลเลือด รวมถึงการถูกละเมิดทางเพศ เป็นต้น จากนั้นผู้ที่เข้ารับการตรวจจะถูกเจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีทางห้องปฏิบัติการ
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลต่างๆ ได้ใช้ชุดตรวจที่พัฒนาให้มีความไวมากขึ้นหรือรู้จักกันในชื่อว่าน้ำยา Fourth generation มาใช้เป็นชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยสามารถตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีและแอนติเจนของเชื้อได้ในเวลาเดียวกัน (HIV Ag/Ab combination immunoassay) ทำให้สามารถตรวจพบการติดเชื้อได้เร็วขึ้นกว่าในสมัยก่อนซึ่งสามารถตรวจได้เร็วที่สุดคือตั้งแต่ 2 สัปดาห์ภายหลังการติดเชื้อ
3. การตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีใช้เวลานานเท่าใดจึงจะทราบผล ?
การตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีสามารถทราบผลได้ภายใน 1 วัน โดยผู้ที่รับการตรวจจะทราบผลการตรวจจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ซึ่งผลการตรวจจะถูกเก็บเป็นความลับ นอกจากนี้ผู้ที่รับการตรวจจะได้รับคำอธิบายและคำแนะนำในการป้องกันตัวเองไม่ให้มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อรวมถึงข้อมูลอื่นๆ ในการดูแลตัวเองเช่นกัน
4. บุคคลกลุ่มใดที่ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีทุกราย ?
มีข้อแนะนำให้กลุ่มบุคคลต่อไปนี้ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีทุกรายได้แก่
5. วิธีการแปลผลการตรวจเลือดเพื่อตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อเอชไอวีเป็นอย่างไร ?
การแปลผลการตรวจจะอาศัยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการควบคู่กับความเสี่ยงหรือพฤติกรรมของผู้เข้ารับการตรวจก่อนหน้าการตรวจเลือดดังต่อไปนี้
6. การตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีในปัจจุบันสามารถให้ผลถูกต้องในผู้เข้ารับการตรวจทุกรายหรือไม่ ?
สิ่งที่จะต้องคำนึงในการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีคือ อาจมีโอกาสที่ตรวจไม่พบแอนติบอดีในผู้ที่ติดเชื้อมาแล้วเนื่องจากอยู่ในระยะฟักตัวของเชื้อ โดยจะเรียกช่วงนี้ว่า window period ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน ถ้าตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อในระยะเวลาดังกล่าวอาจให้ผลการตรวจเป็น non-reactive ทั้งๆ ที่จริงแล้วผู้ที่มาตรวจอาจติดเชื้ออยู่ก็เป็นได้ เรียกผลการทดสอบนี้ว่าผลลบลวง (false negative) ซึ่งในระยะ window period นี้ผู้ติดเชื้อจะสามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่มีการป้องกัน ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีในการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลดระยะเวลาของ window period ให้สั้นลง โดยเฉพาะการใช้น้ำยาที่ตรวจได้ทั้งแอนติเจนและแอนติบอดีพร้อมกันในครั้งเดียว (HIV Ag/Ab combination immunoassay) ทำให้สามารถวินิจฉัยการติดเชื้อได้เร็วที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ ซึ่งชุดตรวจนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนเพื่อตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี
7. ทำไมต้องเข้าตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี ?
ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวีควรรีบเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ เนื่องจากการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความกังวลใจ นอกจากนี้ถ้าผู้รับการตรวจติดเชื้อเอชไอวี จะทำให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว ได้รับทราบข้อมูลในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงเทคนิคในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีและนำไปสู่ผู้ป่วยโรคเอดส์เต็มขั้น
ในขณะที่ผู้ที่เข้ารับการตรวจที่มีผลเลือดเป็นลบ จะได้รับทราบข้อมูลในการปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อในอนาคตต่อไป
8. ถ้าในอนาคตมีชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองวางจำหน่ายในท้องตลาด ผู้ซื้อมาใช้ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง ?
ถึงแม้จะมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง และถ้าในอนาคตมีการจำหน่ายชุดทดสอบคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีในท้องตลาดจริง สิ่งที่ผู้ซื้อมาใช้จะต้องคำนึงถึงเสมอคือ ชุดตรวจดังกล่าวเป็นชุดคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้ใช้ยืนยันการติดเชื้อเอชไอวี นอกจากนี้ผู้ที่ใช้ชุดตรวจด้วยตนเองควรประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วยตนเองตามข้อมูลที่ระบุประกอบการใช้ชุดตรวจดังกล่าว รวมถึงข้อจำกัดของชุดตรวจในกรณีที่อยู่ในช่วง window period ซึ่งอาจทำให้ผลตรวจเป็นผลลบลวง (false negative) ถ้าผลการทดสอบเป็น reactive จะต้องไปทำการตรวจซ้ำเพื่อยืนยันในสถานพยาบาลอีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถสรุปผลการตรวจที่แน่นอนได้
9. ถ้าจะตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีสามารถตรวจได้ที่ใด ?
ปัจจุบันประชาชนทั่วไปสามารถใช้สิทธิในการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรี ปีละ 2 ครั้งที่ที่คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย นอกจากนี้ยังสามารถขอรับบริการตรวจคัดกรองการติดเชื้อ HIV และคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการประจำตามสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ รวมถึงสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่ห้องปฏิบัติการหรือคลินิกเทคนิคการแพทย์ทั้งของภาครัฐและเอกชนได้เช่นกัน