เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โปรดสละเวลา 1 นาที ในการตอบแบบสอบถามจากเรา Click !!

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


ดอกเข้าพรรษา..สีสันของฤดูฝน


ธิดารัตน์ จันทร์ดอน สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


ภาพประกอบจาก: https://scoop.mthai.com/specialdays/6534.../6534.html
อ่านแล้ว 33,026 ครั้ง  
ตั้งแต่วันที่ 25/08/2560
อ่านล่าสุด 4 ช.ม.ที่แล้ว

Scan เพื่ออ่านบนมือถือของคุณ
 


“ดอกเข้าพรรษา” เป็นพืชวงศ์ขิง ZINGIBERACEAE สกุลหงส์เหิน (Globba spp.) มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย และกระจายพันธุ์ได้ดีบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้มากกว่า 100 ชนิด และในประเทศไทยสามารถพบได้มากกว่า 40 ชนิด โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น Globba winitii C.H. Wright หรือกล้วยจะก่าหลวง (ลำพูน), G. reflexa กล้วยเครือคำ (เชียงใหม่) หรือก้ามปู (พิษณุโลก), G. schomburgkii กระทือลิงหรือขมิ้นผี (สระบุรี) และ G. pendula หรือปุดนกยูง (ภาคใต้) เป็นต้น ส่วนใหญ่จะมีลักษณะของดอกขนาดเล็ก คล้ายนกหรือหงส์ที่กำลังเต้นรำ จึงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “หงส์เหิน” และบางชนิดมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า "Dancing ladies ginger"(1-2) 
 
หงส์เหินเป็นพืชมีดอกประเภทหัว มีเหง้าใต้ดินลักษณะคล้ายกระชาย ลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบรวมตัวกัน ใบเดี่ยว แผ่นใบรูปรี รูปขอบขนาน ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม ฐานใบสอบเรียวหรือรูปหัวใจ มีช่อดอกออกที่ปลายยอดของลำต้นเหนือดิน ชูตั้งขึ้น เอียงในแนวระนาบ หรือโค้งงอชี้ลงพื้นดิน ช่อดอกแบบ ช่อกระจุกแน่น ช่อเชิงลด ช่อกระจะ หรือช่อแยกแขนง ใบประดับมีสีสันสวยงาม เช่น สีม่วง สีแดง สีชมพู สีขาว สีเขียว และสีเหลือง ดอกขนาดเล็กหลุดร่วงง่าย สีเหลือง สีส้ม หรือสีขาว สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การแยกเหง้า หรือการเพาะเมล็ด เป็นต้น หงส์เหินจะมีดอกในช่วงฤดูฝน และนิยมนำมาใช้สำหรับประเพณีตักบาตรดอกไม้ในวันเข้าพรรษา โดยเฉพาะที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงเป็นที่มาของชื่อที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า "ดอกเข้าพรรษา"(3) 
สำหรับประโยชน์ของพืชสกุลหงส์เหินนั้น นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญด้านศิลปวัฒนธรรม ในประเพณีเข้าพรรษาของชาวไทยแล้ว ความสวยงามของหงส์เหินบางชนิดยังถูกนำมาใช้เป็นพรรณไม้สำหรับประดับตกแต่ง ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาสายพันธุ์สำหรับการเพาะปลูกเพื่อการค้าทั้งในไทยและส่งออกไปต่างประเทศ เช่น G. williamsiana พันธุ์สีชมพูอมม่วง Giant violet dancing girl และพันธุ์สีขาว White dragon สำหรับนำไปใช้เป็นไม้ดอกไม้ประดับหรือปลูกเป็นไม้กระถางตกแต่งอาคารบ้านเรือน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการใช้พืชสกุลหงส์เหินเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้านทางตอนเหนือของอินเดีย เช่น เหง้าของหงส์เหินชนิด G. clarkei ใช้รักษาอาการไอ และเหง้าของ G. multiflora ใช้ทาแผลเพื่อบรรเทาอาการปวดและใช้เพื่อลดไข้ แต่ยังไม่มีรายงานการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพืชสกุลหงส์เหินมากพอ มีเพียงบางข้อมูลระบุว่า G. winitii C.H. Wright มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และ G. malaccensis มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในเซลล์(4-7) อย่างไรก็ตามพืชในสกุลหงส์เหินหรือดอกเข้าพรรษา ก็เป็นพืชที่มีสีสันหลากหลายและมีลักษณะรูปร่างสวยงามแปลกตา จึงช่วยสร้างสีสันในช่วงฤดูฝนของทุกๆ ปี และยังคงมีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนาสำหรับเทศกาลเข้าพรรษาของชาวไทยสืบไป 
 
 

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. Kress WJ, Prince LM, Williams KJ. The phylogeny and a new classification of the gingers (ZINGIBERACEAE): evidence from molecular data. Am J Bot 2002;89(10):1682-96.
  2. Williams KJ, Kress WJ, Manos PS. The phylogeny, evolution, and classification of the genus Globba and tribe Globbeae (ZINGIBERACEAE): appendages do matter. Am J Bot 2004;91(1):100-14.
  3. ปิยเกษตร สุขสถาน, ทยา เจนจิตติคุณ, พัชรียา บุญกองแก้ว ผู้รวบรวม. โครงการย่อยการรวบรวมคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์พืชสกุลหงส์เหิน (Globba) ที่มีศักยภาพเชิงการค้า, 2555 น. 33-154. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์การพัฒนาพืชวงศ์ขิงเพื่อการส่งออก. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.). กรุงเทพฯ.
  4. Ethnomedical uses of Zingiberaceous plants of Northeast India. Tushar, Basak S, Sarma GC, Rangan L. J Ethnopharmacol 2010;132(1):286-96.
  5. Manokam N, Nuntawong N. Chemical constituents from the rhizomes of Globba reflexa Craib. Biochem Syste Ecol 2014;57:395e398.
  6. Chaiyasut C, Chansakaow S. Inhibitory effects of some Thai plant extracts on AAPH-induced protein oxidation and protein glycation. Naresuan University Journal 2007; 15(1): 35-41.
  7. Anuthakoengkun A, Itharat A. Inhibitory effect on nitric oxide production and free radical scavenging activity of Thai medicinal plants in osteoarthritic knee treatment. J Med Assoc Thai 2014;97 Suppl 8:S116-24.
เปิดอ่านด้วย Google Doc Viewer ดาวน์โหลดบทความ (pdf) ดูบทความอื่นๆ

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้


บทความที่ถูกอ่านล่าสุด


ยาแก้ไอ ... มีกี่แบบ ?? 5 วินาทีที่แล้ว
18 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด



ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์บทความ:
บทความในหน้าที่ปรากฎนี้สามารถนำไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทั้งนี้การนำไปทำซ้ำนั้นยังคงต้องปรากฎชื่อผู้แต่งบทความ และห้ามตัดต่อหรือเรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้ใหม่โดยเด็ดขาด และกรณีที่ท่านได้นำบทความนี้ไปใช้ในเว็บเพจของท่าน ให้สร้าง Hyperlink เพื่อสร้าง link อ้างอิงบทความนี้มายังหน้านี้ด้วย

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ดูเบอร์ติดต่อหน่วยงานต่างๆ | ดูข้อมูลการเดินทางและแผนที่

เว็บไซต์นี้ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2024
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้